แต่เหล่านักยุทธ์ที่ใช้วิธีการอื่น ๆ เพื่อครอบครองร่างเนื้อแดนเทพมาร เป็นเพียงแค่การเลียนแบบเทพมารเท่านั้น!
รวมถึงแดนผลการฝึกตนก็เช่นเดียวกัน เคล็ดแสงดาวเทียนเต้าหลอมรวม 18 ดาราในแดนเทพมารพลังเวทย์เทียบเท่าราชาเทพ แต่ภายใต้คำจำกัดความของเคล็ดแสงดาวเทียนเต้า นี่ก็เป็นเพียงเทพมาร!
สิ่งนี้ทำให้หลัวซิวรู้แจ้งถึงบางอย่าง ในยุคโบราณกาล เทพมารนั้นก็เทียบเท่ากับราชาเทพในปัจจุบัน!
แต่ว่าเข้าก็สามารถแน่ใจได้ว่า ต่อให้เป็นในเวลาอันแสนไกล สามารถหลอมรวมดารา 18 ดวงในแดนเทพมาร อีกทั้งนักยุทธ์ที่กลั่น 18 จุดลมปราณลมปราณสำเร็จนั้น ก็มีไม่มากเท่าใดนัก
ถ้าวิถีแห่งกลั่นร่างของยุคโบราณเหล่านั้น ได้ชื่อว่าเป็นวิถีโบราณ เช่นนั้นหลัวซิวในวันนี้ ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นแดนเทพมารโบราณ
เขาอยู่ในแดนเทพมารโบราณ เทียบเท่ากับแดนราชาเทพในปัจจุบัน!
ภายในสำนักวัชรยักษ์ เขาต่อสู้กับอาจารย์ราชาเทพแห่งสำนักวัชรยักษ์ อาศัยเพียงแค่จุดปราณโลกดาราทั้ง 17 ดวง เช่นนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นราชาเทพกลั่นร่างที่หาคู่ต่อสู้ได้ยากในแดนเดียวกัน ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ
หลัวซิวไม่ได้เปิดสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แต่อย่างใด เพียงแค่สังหารเหล่าอาจารย์ราชาเทพที่เคยเล่นงานเขาในตอนที่อยู่ในเมืองเทวะดาราอุดร สำหรับราชาเทพที่เหลืออีกสองคนของสำนักวัชรยักษ์ เขาก็ยังคงเหลือความปราณีเอาไว้อยู่
ห่างจากสำนักวัชรยักษ์ไม่ไกล ด้านนอกของสำนักเขาแห่งสำนักเทียนเจี้ยน ชายสวมชุดดำยืนต้านลมอยู่บนที่สูง ภายในสำนักเทียนเจี้ยนที่อยู่ด้านล่าง นักยุทธ์มากมายตกอยู่ในสถานการณ์เหมือนกับพบเจอศัตรูตัวฉกาจ
ภายในอาจารย์สำนักเทียนเจี้ยนราชาเทพทั้งสามพากันเหาะออกมา คนที่เป็นแกนนำ ก็คือหนึ่งในห้าอาจารย์ของเมืองเทวะดาราอุดรในตอนนั้น เคยที่จะสังหารหลัวซิว เพื่อแย่งชิงโอกาสที่ดีของเขา
ทั่วทั้งโลกาดาราอุดร นอกจากเขามหาเทวะที่มีผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพช่วงปลายนั่งคุมบังเหียน สำนักอื่น ๆ ต่างไม่มีราชาเทพช่วงปลาย ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือช่วงกลาง อยู่ในระดับราชาเทพขั้นหก
อาจารย์ท่านนี้ของสำนักเทียนเจี้ยน ก็จัดอยู่ในระดับนี้ รวมกับการฝึกตนของเขา เรียกได้ว่าเป็นนักฆ่าผู้ไร้เทียมทานแห่งโลกกระบี่ ได้รับสมยานามเป็นถึงผู้แข็งแกร่งสามอันดับต้นจากทั่วทั้งโลกาดาราอุดร
“นำสิ่งของที่ข้าต้องการทั้งหมดออกมา แล้วข้าจะไม่สังหารใคร”
หลัวซิวที่สวมหน้ากากสีดำ เอ่ยพูดเสียงเย็น
ก่อนนี้ที่ปราสาทอเวจีและสำนักวัชรยักษ์ เขาก็พูดคำพูดเช่นเดียวกันนี้ แต่ทั้งสองกองกำลังใหญ่ต่างเลือกที่จะปฏิเสธไม่ให้ความร่วมมือ ดังนั้นเขาจึงได้ทำลายล้างปราสาทอเวจี สังหารอาจารย์อันดับหนึ่งของสำนักวัชรยักษ์
ในเวลานี้เขาได้มาเยือนยังสำนักเทียนเจี้ยน เขาก็ยังคงใช้คำพูดเช่นเดิม มอบตัวเลือกให้กับสำนักเทียนเจี้ยน จะทำสงคราม หรือว่าจะทำข้อตกลง
“เจ้าต้องการสิ่งใด?” อาจารย์เทียนเจี้ยน เอ่ยถามเสียงขรึม
เขาได้รับรู้เรื่องราวมาแล้ว ปราสาทอเวจีและสำนักวัชรยักษ์ กองกำลังใหญ่ทั้งสองต่างก็ไม่สามารถที่จะต้านทานซิวหลัวหน้ากากดำผู้นี้ไว้ได้
หลัวซิวสะบัดมือออกไป ม้วนหยกม้วนหนึ่งลอยออกมา ตกลงบนมือของอาจารย์เทียนเจี้ยน
“แก้วเทวหมื่นล้านชิ้น ยาเซียนระดับหกห้าพันเม็ด ระดับเจ็ดยาเซียนสามพันเม็ด?”
อาจารย์เทียนเจี้ยนสูดหายใจเข้าทางปาก แก้วเทวระดับกลางหมื่นล้านชิ้นยังพอจะคุยกันได้ จากการสะสมมรดกของสำนักเทียนเจี้ยน จะนำออกมาก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องยากลำบากแต่อย่างใด
เพียงแต่ยาเซียนระดับหกห้าเม็ดกับระดับเจ็ดยาเซียนสามพันเม็ด แต่มันทำให้เขาตกใจมากจริง ๆ สิ่งของเหล่านี้หากนำออกมามอบให้ ดูเหมือนว่าจะทำให้คลังสมบัติของสำนักมีที่ว่างเพิ่มขึ้นถึงเจ็ดในสิบส่วน!
ต้องรู้ว่าความมั่งคั่งที่สั่งสมของสำนักเทียนเจี้ยนมันกินเวลากว่าล้านปีแล้ว เมื่อใดที่นำมันออกมา ก็เท่ากับว่าจำเป็นต้องใช้เวลากว่าล้านปี สำนักเทียนเจี้ยนจึงจะสามารถค่อย ๆ ฟื้นฟูรากฐานและพลังจิตได้
“ผู้เพื่อนยุทธ์จะไม่มากเกินไปหน่อยหรือ แก้วเทวระดับกลางหมื่นล้านชิ้นสามารถจัดการให้เจ้าได้ ถือว่าเป็นการผูกสัมพันธ์กันระหว่างสำนักเทียนเจี้ยนของข้าและผู้เพื่อนยุทธ์” อาจารย์เทียนเจี้ยนพูดเสียงขรึม
“ความหมายของเจ้าคือไม่ให้งั้นหรือ?” ภายใต้หน้ากากสีดำ ดวงตาเรียวของหลัวซิวเผยฉายแววสังหารออกมา
อาจารย์เทียนเจี้ยนเคยวางแผนลอบสังหารตนในตอนที่อยู่ที่เมืองเทวะดาราอุดร บุญคุณความแค้นนี้ ตราบใดที่อีกฝ่ายเต็มใจมอบสิ่งที่ต้องการให้ เรื่องนี้ก็สามารถที่จะยุติลงได้
แต่หากไม่ เขาก็จะฆ่าคนผู้นี้ จากนั้นก็ชิงมาเสีย