โควตาหนึ่งครั้งในรอบร้อยปีของโลกะอัมพรเทว พูดกันว่าเป็นการควบคุมร่วมกันของห้ากองกำลังใหญ่ทั้งห้า แต่ในความเป็นจริง อำนาจควบคุมที่แท้จริงนั้น อยู่ในมือของเขามหาเทวะ ในการต่อสู้แย่งชิงโควตาของโลกะอัมพรเทวทุกครั้ง เขามหาเทวะก็ครอบครองโควตาไปแล้วมากกว่าครึ่ง
หลังจากออกมาจากสำนักเทียนเจี้ยน หลัวซิวไม่ได้มุ่งตรงไปโจมตีเขามหาเทวะ เพราะเขารู้ดีว่าพลังของตนเองในตอนนี้ยังไม่เพียงพอ แม้ว่าเขามหาเทวะจะมีราชาเทพช่วงปลายเพียงคนเดียว แต่อย่างมากเขาก็อาศัยอำนาจค่ายกลของหน้ากากสีดำเพื่อป้องกันตัวได้เท่านั้น
นอกเสียจากว่าเขาจะสามารถเชี่ยวชาญกฎดั้งเดิมขั้นที่สี่ ไม่เพียงแค่พลังของเขาจะเพิ่มมากขึ้นหลายเท่า ระดับค่ายกลของตนก็จะสามารถข้ามเข้าสู้ระดับเจ็ดได้ ใช้มันเพื่อควบคุมค่ายกลภายในหน้ากากสีดำ สามารถเทียบเคียงกับราชาเทพช่วงปลายได้
“ซากสนามรบโบราณ?”
หลังจากออกจากปิดขัง เขาก็ไล่สังหารราชาเทพมาตลอดทาง สำหรับข่าวเรื่องซากสนามรบโบราณเขาก็ได้ยินมาไม่น้อย
ร่างของเขาเดินจากไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้อาจารย์ราชาเทพทั้งสองท่านที่เหลือของสำนักเทียนเจี้ยนต้องขบฟันแน่น แต่กลับไม่กล้าเอ่ยปากพูดแม้แต่พยางค์เดียว
ส่วนผู้ที่ใช้ชีวิตโดยยึดความสงบนิ่งไม่ทุกข์ไม่ร้อนอย่างปีศาจทั้งเก้า กลับมีสีหน้างุนงงสับสนขึ้นมา เพราะจากร่างของซิวหลัวหน้ากากดำพวกเขามองเห็นถึงเงาของหลัวซิว
ยิ่งไปกว่านั้น ซิวหลัว ไม่ใช่หลัวซิว?
ภาพมายาแปลกตาในอนัตตาไม่สิ้น เป็นเพราะได้รับผลกระทบจากสนามแม่เหล็กของปริภูมิแปลกประหลาดที่โลกาดาราดวงหนึ่งตั้งอยู่
ด้านนอกปริภูมิ ก็คือห้วงดารา
โลกาดาราอุดรเป็นดวงดาราขนาดมหึมาดวงหนึ่ง ดังนั้นอนัตตาไม่สิ้นโดยรอบของมันนั้นจึงค่อนข้างใหญ่เช่นกัน
หลัวซิวไม่ทราบตำแหน่งที่แน่นอน แต่จะเห็นได้ว่ามีนักยุทธ์บินขึ้นจากท้องฟ้าเข้าสู่อนัตตาไม่สิ้นอย่างต่อเนื่อง
“ที่แห่งนี้คือซากสนามรบโบราณ?”
ไม่นานจากนั้น หลัวซิวก็พบเจอผืนแผ่นดินแตกสลายแห่งหนึ่งลอยอยู่ในอนัตตาไม่สิ้น รูปร่างของแผ่นดินนี้ไม่เหมือนธรรมดาทั่วไป มีรัศมีประมาณหนึ่งล้านลี้
ตัวสำนึกของหลัวซิว ที่กลางซากสนามรบโบราณแห่งนี้ สัมผัสได้ถึงจำนวนของออร่าไม่น้อยกว่าหมื่นราย มาจากกองกำลังต่าง ๆ ของโลกาดาราอุดร
“โครมคราม……”
ทันใดนั้น ที่ว่างเหนือซากสนามรบโบราณก็มีเสียงฟ้าร้องและสายฟ้าแลบ บนผืนดินที่แตกสลาย ปรากฏภาพมายานับไม่ถ้วน แสดงฉากการต่อสู้ในสนามรบ
ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!……
เสียงโห่ร้องดังสั่นสั่นสะเทือนจักรวาล ออร่าสังหารอันน่าสยดสยองปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน ทำให้นักยุทธ์มากมายที่มาจากกองกำลังต่าง ๆ อกสั่นขวัญผวา
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องจริง ล้วนแต่เป็นภาพมายา ราวกับได้บันทึกภาพเหตุการณ์ในอดีตกาลเอาไว้ แสดงวนซ้ำมาจนถึงปัจจุบัน
ร่างของการต่อสู้เหล่านั้นพร่าเลือน แต่ทุก ๆ คนต่างก็ระเบิดออร่าอันทรงพลังออกมา ส่วนใหญ่คือราชาเทพ
นอกจากนี้ ยังมีร่างที่แข็งแกร่งกว่ากำลังต่อสู้อยู่ในกลุ่มเมฆที่ร้องคำราม ออร่าที่ปล่อยออกมานั้นทำให้ทุกคนพากันตกตะลึง ถึงจะเป็นอาจารย์ราชาเทพจากกองกำลังต่าง ๆ ก็ยังสั่นสะท้านด้วยความกลัว
มกุฎเทพ?
ออร่าทรงพลังที่สามารถครอบครองโลกทั้งใบได้นั้นเหนือกว่าราชาเทพจนไม่อาจเทียบกันได้ สิ่งนี้ทำให้นัยน์ตาของหลัวซิวอดไม่ได้ที่จะรี่ลงเล็กน้อย
แต่ว่า เพียงไม่นานหลัวซิวก็พบว่า ทั่วทั้งซากสนามรบโบราณ แม้ว่ามันจะพลุ่งพล่านไปด้วยออร่าอันกว้างใหญ่ไพศาลของบรรดาผู้แข็งแกร่งในสมัยโบราณกาล แต่กลับไม่ได้มีการโจมตีใด ๆ เลย ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาต่างกระจัดกระจายไปด้วยออร่าของกฎ ทำให้นักยุทธ์จำนวนมากจมอยู่ในนั้น เหมือนว่าจะได้รับการตระหนักรู้
ทันใดนั้น หลัวซิวสัมผัสได้ถึงออร่าของกฎการเวียนว่ายตายเกิด ร่างของเขากลายเป็นลำแสง บินเข้าสู่ซากสนามรบโบราณ
ณ สถานที่หนึ่งในสนามรบที่ขาดสะบั้นอย่างรุนแรง ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ร่างสองร่าง ร่างทั้งสองมองเห็นใบหน้าได้ไม่อย่างชัดเจน รูปร่างพล่ามัว สามารถคาดเดาได้อย่างคร่าว ๆ ว่าเป็นชายสองคน
ระหว่างพวกเขา คนหนึ่งฝึกตนกฎชีวิต อีกคนหนึ่งฝึกตนกฎความตาย ณ เวลานี้พวกเขาเป็นศัตรูที่ต่อสู้เพื่อชีวิตและความตาย
ท่ามกลางสนามรบที่วุ่นวาย ทั้งสองคนต่างเป็นราชาเทพ ไม่เป็นที่ดึงดูดสายตา แต่กฎที่พวกเขาใช้ฝึกตนกลับเป็นเหมือนประภาคาร เรียกให้หลัวซิวตรงเข้ามาหา