มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 1609

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1609

ห่างกันหลายพันลี้ ตำหนักโบราณแห่งนี้ยังคงสูงตระหง่านในสายตาของทุกคน หากว่าเดินเข้าไปใกล้ ๆ ความใหญ่ของตำหนักโบราณ คงจะไม่สามารถคาดเดาได้

“โครมคราม……”

ทันใดนั้น ก็เกิดเสียงดังสะเทือนฟ้าดิน ประตูใหญ่ของสำนักทองเหลืองโบราณที่สูงตระหง่านนั้น มันค่อย ๆ สั่นสะเทือนและเปิดออกท่ามกลางเสียงที่ดังคำราม…

วินาทีนั้นเอง นักยุทธ์จากกองกำลังต่าง ๆ ก็พากันเปล่งรัศมีเทว

“ตำหนักโบราณเปิดแล้ว มีแค่เพียงเวลานี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปได้!”

ทุกคนต่างพากันเคลื่อนไหวขึ้นมา หลัวซิวมองเห็นติงกู่ชิวกระโดดขึ้น ความเร็วนั้นราวกับสายฟ้าผ่า พุ่งเข้าไปในตำหนักโบราณที่อยู่ภายในดินแดนหมื่นลี้ปกคลุมไปด้วยม่านแสง

เมื่อเข้าไปในดินแดนหมื่นลี้ ผลการฝึกตนจะถูกระงับทันที แต่หลัวซิวก็เดินตามเข้าไปติด ๆ ไม่ได้ไม่รู้สึกว่าผลการฝึกตนของตนถูกควบคุมแต่อย่างใด

ระยะห่างจากสำนักทองเหลืองโบราณยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ สีหน้าของหลัวซิวก็พลันเคร่งขรึมขึ้นมา ลูกแก้วความเป็นตายภายในตัวหยั่งรู้ส่งความรู้สึกถึงความร้อนที่แผดเผาออกมา

ประตูใหญ่ตำหนักโบราณเปิดออก แต่สายตาของหลัวซิวกลับจับจ้องไปยังด้านบนของประตูใหญ่นั้น มีเส้นอักษรเขียนสลักไว้ เพียงแต่ไม่มีใครสามารถเข้าใจแบบอักษรเหล่านี้ได้ ทำให้ผู้คนมีความรู้สึก เหมือนยันต์ที่เขียนไว้อย่างลวก ๆ

แต่หลัวซิวกลับสามารถอ่านตัวอักษรเหล่านั้นออกได้ในชั่วพริบตา ร่องรอยเหล่านั้นที่ประกอบเป็นแบบอักษร ต่างแผงไปด้วย ความลึกลับของกฎการเวียนว่ายตายเกิด

“เป็นตำหนักวัฏจักรชีวิตจริง ๆ เสียด้วย……”

ตัวอักษรเหนือประตูใหญ่นั้น ก็คือคำว่าตำหนักวัฏจักรชีวิต

ภายในประตูใหญ่ของตำหนักโบราณที่เปิดอออกคือความมืดมิด ราวกับห้วงดาราที่ไร้จุดสิ้นสุด ทุกคนรีบรุดไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง

ก่อนหลัวซิวจะมาที่นี่ ประตูใหญ่ของตำหนักโบราณได้เปิดออกแล้วสามครั้ง ทุกครั้งที่เปิดต่างจะมีคนเข้ามามากมาย มีบางคนที่ผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งก็จะถูกวาร์ปออกมา และมีบางคนที่ต้องติดอยู่ในนั้นไปตลอดกาล

โอกาสที่จะตายคือห้าในสิบ อีกทั้งยังเป็นห้าในสิบที่ได้มาตรฐานมาก เข้าไป 100 คน จะมีเพียงแค่ 50 คนเท่านั้นที่ออกมาได้ ไม่ขาดไม่เกิน

นี่ก็หมายความว่า ใครก็ตามที่เข้าไป ต่างก็มีความเป็นไปได้ที่จะต้องตายถึงห้าในสิบส่วน

คนที่ฝึกยุทธ์มีความมั่นใจในตัวเองสูง ดังนั้นแม้จะรู้ว่าความน่าจะเป็นของการตายนั้นมีไม่น้อยเลย แต่ผู้คนก็ยังคงพุ่งเข้ามาต่อสู้เพื่อคว้าโอกาสมากขึ้นเรื่อย ๆ

เพราะคนที่รอดออกมาต่างก็ได้รับโอกาสและโชคลาภ!

“เหวิง!”

ทั้งสี่ทิศของตำหนักโบราณปรากฏสัญลักษณ์ต่าง ๆ มากมาย สัญลักษณ์เหล่านี้ปรากฏขึ้นและหายไปอยู่เช่นนั้น ทำให้ยากที่จะอ่านมันได้ด้วยตาเปล่า มีเพียงการใช้ตัวสำนึกออกสำรวจเท่านั้น จึงจะสามารถสัมผัสได้ถึงการหมุนเวียนของออร่าบาง ๆ

“วิชากลั่นร่างโบราณกาล!”

ผู้แข็งแกร่งจากกองกำลังใหญ่ต่าง ๆ พากันหยุดฝีเท้าลง ไม่ได้พุ่งเข้าไปด้านในประตูใหญ่ของตำหนักโบราณ แต่กลับใช้ตัวสำนึกตรึงสัญลักษณ์ที่กระพริบอยู่ทั่วทั้งสี่ทิศของตำหนักโบราณเอาไว้ หวังว่าจะสามารถบรรลุความลึกลับของวิชากลั่นร่างโบราณกาลจากมันได้

หลัวซิวสังเกตว่า ที่บรรลุสัญลักษณ์ตำหนักโบราณต่างก็เป็นผู้นำของสามสำนักหกกองกำลังมกุฎเทพ คนเหล่านี้จะไม่เข้าสู่ตำหนักโบราณอย่างง่ายดาย เพื่อต่อสู้และเอาชีวิตเข้าแลกกับโอกาสและโชคลาภที่เสี่ยงตายนั้น ภายในสัญลักษณ์เต็มไปด้วยวิชากลั่นร่างโบราณกาล ในทางตรงกันข้ามมันสำคัญยิ่งกว่าสำหรับพวกเขา

ไม่เหมือนคนอื่น ๆ เมื่อเขาเหลือบมองขึ้นไปที่สัญลักษณ์เหล่านั้น ในสมองของเขากลับหลอมรวมเป็นสัญลักษณ์สายหนึ่งขึ้นมาเอง โบยบินพลิ้วไหวไปรอบ ๆ ลูกแก้วความเป็นตาย ราวกับผีเสื้อ

ภายในตัวหยั่งรู้ของเขา หลังจากหลอมรวมสัญลักษณ์ออกมาแล้ว รอบ ๆ ตำหนักโบราณก็จะปรากฏสัญลักษณ์ใหม่ขึ้น จากนั้นภายในตัวหยั่งรู้ของหลัวซิวก็ยิ่งปรากฏสัญลักษณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ ……

ครู่ต่อมา ทั้งสี่ทิศของตำหนักโบราณก็ไม่มีสัญลักษณ์ปรากฏขึ้น มกุฎเทพหลายคนของสามสำนักหกกองกำลังพวกเขาทั้งหมดพากันขมวดคิ้ว เพราะว่าพวกเขาได้บรรลุไปแล้วสามครั้ง ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่สี่แล้วก็ยังคงไม่ได้อะไรอยู่ดี

ในเวลาเดียวกัน เสียงคำรามของประตูตำหนักโบราณดังขึ้น มันกำลังจะปิดลง

ด้านหลังของหลัวซิวเผยให้เห็นปีกเทพมังกรครามยักษ์ ในเวลาเดียวกันก็โคจรกฎปริภูมิ เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า เพียงชั่วความคิด บินเข้าไปภายในประตูใหญ่นั้น

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท