รูม่านตาของเขาหดลง สัมผัสได้ถึงความปรารถนาของร่างยุทธ์ร่างเนื้อ ตรงจุดลมปราณที่สิบแปดของแขนข้างซ้าย เตรียมพร้อมจะตะครุบเหยื่อ
ชั่วพริบตาเดียว ความรู้แจ้งปรากฏขึ้นมาในดวงตาของหลัวซิว จุดปราณร่างเนื้อได้เปิดออก จะต้องมีเบญจธาตุทั้ง 5 อัสนีวายุ หยินหยาง ตายเกิด ห้วงเวลา บ่อเกิดของกฎทั้งหมดในจักรวาลฟ้าดิน
ตรีภพเกิดจากหยินหยางและเบญจธาตุ โครงสร้างพื้นฐานของจักรวาลฟ้าดิน ห้วงเวลาเป็นตายนั้นอยู่เหนือใด ๆ วางโครงสร้างของความเป็นระเบียบและกฎเกณฑ์ของกฎจักรวาลฟ้าดิน
เปิดโลกภายในจุดปราณร่างเนื้อ ประการแรกจะต้องมีเบญจธาตุหยินหยางมาสร้างโครงสร้างของบ่อเกิดแห่งโลก จากนั้นก็ให้ห้วงเวลาเป็นตายก่อให้เกิดความเป็นระเบียบกฎเกณฑ์ เช่นนี้ถึงจะเป็นโลกที่สมบูรณ์แบบ
กฎที่ผู้บำเพ็ญตนควบคุมอยู่นั้นยิ่งสมบูรณ์แบบ โลกที่จุดปราณร่างเนื้อสร้างขึ้นมาก็จะยิ่งสมบูรณ์แบบ พลังการต่อสู้ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
หลักการเช่นนี้ หลัวซิวเข้าใจมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว และนั่นก็เนื่องจากว่าโลกที่จุดปราณร่างเนื้อของเขาสร้างขึ้นมาในแต่ละครั้งขยับเข้าสู่สภาวะที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นความอยากในการบำเพ็ญตนของเขาจึงได้เพิ่มขึ้น จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ ยังคงอยู่ที่เทพมารขั้นสูง ยังไม่สามารถบรรลุสู่เทพฟ้าได้
ไม่เช่นนั้นละก็จากพรสวรรค์และโอกาสที่เขาได้รับนั้น ต่อให้เขาฝึกฝนจนบรรลุแดนราชาเทพ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก
“มีแค่เบญจธาตุยังไม่พอ!”
หลัวซิวยกมือใช้พลังตราประทับออกมา วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพปรากฏขึ้นมาที่ด้านหลัง และดูดเอาบ่อเกิดของกฎเบญจธาตุที่อยู่ตรงนี้เข้าไป
พลังแห่งกฎดั้งเดิมที่มีอยู่ในตำหนักวัฏสงสาร สำหรับผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ แล้วนับเป็นโอกาสที่ไม่เลวเลย หลังจากที่ดูดเอาไปแล้วสามารถนำมากลั่นยาได้ และสามารถนำมา ชุบร่างเนื้อ เพิ่งระดับผลการฝึกตน และสัมผัสแดนแห่งกฎได้
เมื่อรวบรวมพลังแห่งกฎดั้งเดิมเบญจธาตุได้มากเพียงพอแล้ว หลัวซิวก็ได้เพิ่มความเร็วขึ้น หลัวซิวพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของตำหนักท่ามกลางเสียงหวีดหวิว
ในขณะเดียวกัน ภายในตำหนักวัฏสงสาร หลังจากที่ทุกคนเข้าไปในตำหนักแล้วก็จะถูกส่งไปในที่ที่แตกต่างกัน
แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเทพยังไม่ได้เข้าไปในตำหนักโบราณ ได้แต่ชมภาพมายาของสัญลักษณ์อยู่ด้านนอกตำหนักโบราณ สัมผัสรู้วิชาอาถรรพณ์โบราณที่อยู่ด้านใน
ผู้ที่เข้ามาในตำหนักโบราณ ล้วนเป็นเหล่ายอดอัจฉริยะที่มีสามสำนักหกตระกูลใหญ่เป็นผู้นำ และยอดฝีมือระดับราชาเทพ
ภายในตำหนักวัฏสงสารมีห้องอยู่จำนวนมาก มีพื้นที่กว้างขวางมาก ผู้คนนับแสนคนอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกันไป ระหว่างกันและกันนั้น จนถึงตอนนี้ยังไม่มีเหตุการณ์พบกันเข้าเลยสักครั้ง
สามารถลองคาดการณ์ดูได้ คนนับแสนคนไม่มีเลยสักคนที่ทุกส่งไปในตำแหน่งเดียวกัน สามารถเห็นได้ว่าตำหนักแห่งนี้มีบริเวณกว้างขวางเพียงใด มีขนาดใหญ่แค่ไหน
ในสถานที่ที่แตกต่างกัน บางคนได้รับโอกาส บางคนกลับยังคนตามหาต่อไปอย่างไร้จุดหมาย และมีบางคนได้ก้าวเข้าสู่พื้นที่อันตราย สุดท้ายชีวิตดับสูญ
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ตามกฎเกณฑ์โดยปกติ ทุกครั้งที่ตำหนักโบราณเปิดนั้นจะมีระยะเวลาสามวันพอครบสามวัน ผู้คนที่อยู่ภายในตำหนักโบราณก็จะถูกส่งออกไป
แต่ครั้งนี้กลับผิดปกติเล็กน้อย เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า จนกระทั่งผ่านไปสี่วัน ตำหนักโบราณก็ยังคงเปิดอยู่
บรรดาบุคคลใหญ่โตจากแต่ละกองกำลังที่พากันอยู่นอกตำหนักโบราณ ต่างพากันขมวดคิ้ว สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติไป
“ความผิดปกติของตำหนักโบราณจะต้องมีบางอย่างแฝงอยู่แน่……”
นี่คือความคิดที่อยู่ภายในใจของเหล่าบุคคลใหญ่โต เพียงแต่ว่าตำหนักโบราณแห่งนี้ลึกลับจนเกินไป ในประวัติศาสตร์ของโลกะอัมพรเทวไม่มีร่องรอยใด ๆ ที่สามารถตรวจสอบได้เลย
ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถตามหาเบาะแสเส้นสนกลในใด ๆ จากร่องรอยมาตัดสินได้เลย
และความลึกลับของตำหนักโบราณได้ทำให้บุคคลใหญ่โตเหล่านั้นได้แต่คอยมองอยู่ห่าง ๆ ไม่อยากที่จะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตรายง่าย ๆ เพราะในสถานการณ์ที่ผลการฝึกตนถูกกดให้อยู่ในระดับเทพมาร หากต้องดับสูญเนื่องจากพบเจอกับอันตรายอยู่ในตำหนักโบราณก็คงแย่แน่