“พลังดั้งเดิมกฎธาตุลม”
วิหคยักษ์สีเขียวตัวหนึ่งได้บินผ่านผืนฟ้าไป มันผ่านไปเร็วมาก แต่วิหคเขียวตัวนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจริง ๆ แต่เป็นสิ่งที่เกิดจากพลังดั้งเดิมแห่งกฎธาตุลม เป็นธาตุทิพย์อย่างหนึ่ง
ปีกของวิหคเขียวเมื่อกางออกยาวเกือบร้อยจั้ง ที่ด้านหลังของมัน ได้มีลำแสงสายหนึ่งตามมาอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน เป็นหลัวซิวนั่นเอง
ปีกเทพมังกรครามยักษ์ไร้มลทินกางออกมาที่ด้านหลังของเขา ปีกเทพสีครามหกข้างมีความวาวเหมือนดั่งโลหะ
เนื่องจากฝีมือของเขาได้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้สมบัติแห่งเทพฟ้าอย่างปีกทิพย์ไร้มลทิน มีประโยชน์น้อยลงไปเรื่อย ๆ
“หากสามารถรวมกฎปริภูมิเข้ากับปีกทิพย์ไร้มลทิน ให้ปริภูมิและความเร็วรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียว จะต้องทำให้ปีกทิพย์ไร้มลทินแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้อย่างแน่นอน”
ภายในใจคิดอยู่เล่นนี้ หลัวซิวขับเคลื่อนกฎปริภูมิ ใช้กฎปริภูมิควบคู่ไปกับกฎความเร็วของปีกทิพย์ไร้มลทิน หากสามารถทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นได้ ไม่นานนัก เขาก็จะตามวิหคเขียวที่อยู่ตรงหน้านั้นไปได้ทัน
ในตอนนี้เอง หอกรบอัคคีได้ลอยพุ่งเข้ามาราวกับสายฟ้า ทำให้หลัวซิวสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่รุนแรง
พรึบ!
ปีกเทพมังกรครามยักษ์ไร้มลทินสั่นสะท้าน ร่างของเขาพลันแวบหายไปทันที หอกรบอัคคีแทงทะลุจุดเดิมที่เขายืนอยู่ไป
“หือ? ไม่คิดว่าจะหลบการโจมตีของข้าได้ด้วย ปีกเทพบนร่างกายของเจ้าเป็นของขลังที่ไม่เลวเลย”
ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาในพื้นที่ที่ห่างออกไป นี่คือบุรุษที่มีลักษณะเป็นชายกลางคนผู้หนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่กำยำสวมเสื้อสีแดงเพลิง มีมังกรอัคคีพันล้อมที่ที่แขนทั้งสองข้าง กรีดร้องคำราม
มังกรอัคคีพันอ้อมแขน เป็นสัญลักษณ์ของนักยุทธ์ตระกูลจู้แห่งโลกะอัมพรเทว เพราะวรยุทธ์ที่ตระกูลของพวกเขาฝึกฝนนั้นค่อนข้างพิสดาร ผลการฝึกตนยิ่งสูง มังกรอัคคีที่ควบคุมก็จะยิ่งแข็งแกร่ง
ส่วนตระกูลจู้ เป็นหนึ่งในหกตระกูลที่มีอาจารย์มกุฎเทพแห่งโลกะอัมพรเทว!
สายตาของหลัวซิวตกอยู่บนร่างของบุรุษผู้นี้ ผลการฝึกตนที่อีกฝ่ายแสดงออกมานั้นคือเทพมารขั้นสูง ทว่ากระแสพลังที่เขาแสดงออกมานั้นกลับแข็งแกร่งมาก มังกรอัคคีที่พันอ้อมแขนทั้งสองข้างเผยกลิ่นอายของบ่อเกิดกฎขั้นสี่ออกมา
เป็นที่ประจักษ์ว่า คนผู้นี้น่าจะเป็นราชาเทพผู้หนึ่ง แม้ว่าจะถูกกดจากกฎเกณฑ์ของตำหนักวัฏสงสาร แต่อาศัยบ่อเกิดขั้นที่สี่ของกฎเพลิงอัคคี ในที่แห่งนี้มีน้อยมากที่จะมีคู่ต่อสู้ที่ฝีมือพอ ๆ กันกับเขา
“เคลื่อนไหวเร็วไม่เลวเลย แต่เมื่อพบกับข้าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี!”
นักยุทธ์ของตระกูลจู้มีท่าทางเย้ยหยันออกมา ทันใดนั้นก็ยกมือขวาขึ้น มังกรอัคคีที่พันอยู่บนแขนคำราม พลางกระโจนออกมา อ้าปากกัดเข้าไปหาหลัวซิว
หลัวซิวทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา นิ้วทั้งห้ากางออก ยื่นมือออกไปจับ “ปริภูมิสังหาร!”
ในวินาทีนี้ พลังแห่งกฎปริภูมิได้ถูกเขาควบคุมเอาไว้ กลายเป็นวังวนสายหนึ่ง เป็นเหมือนดั่งเครื่องบด กลืนกินมังกรอัคคีที่กระโจนเข้ามาลงไป
ฮึ่ม! ฮึ่ม! ฮึ่ม!…….
ภายใต้การบดสังหารของวังวนปริภูมิ มังกรอัคคีได้ส่งเสียงครวญครางออกมา และเหลือเพียงความว่างเปล่า
“กฎปริภูมิขั้นสี่?”
สีหน้าของนักยุทธ์ของตระกูลจู้ดูไม่ได้ขึ้นมาทันที เขาคิดไม่ถึงว่าคู่ต่อสู้ที่เขาเจอโดยบังเอิญในตำหนักโบราณ จะพบกับแผ่นเหล็กเข้าให้
มีบ่อเกิดของแดนแห่งกฎอยู่ในขั้นที่สี่เหมือนกัน กฎปริภูมิที่จัดเป็นกฎระดับสูง โดยปกติแล้วจะแข็งแกร่งยิ่งกว่ากฎธาตุไปมากนัก
“ตัดปริภูมิ!”
หลัวซิวใช้ฝ่ามือแทนดาบ ยกมือขึ้นโบก ดาบแห่งปริภูมิเล่มหนึ่งได้โผล่ออกมา ราวกับเงาดาบอันเลือนราง ฟาดฟันออกไป
“กฎปริภูมิขั้นที่สี่แล้วอย่างไรเล่า? อาศัยสุดยอดเคล็ดวิชาของตระกูลจู้ของข้า ก็ไม่แน่ว่จะสังหารเจ้าไม่ได้!”
นักยุทธ์ตระกูลจู้ผู้นั้นทำเสียงฮึดฮัดออกมาด้วยความโมโห เขาไม่ได้หลบหลีก แต่เพลิงอัคคีได้ลุกลามขึ้นมารอบร่างกาย กลายเป็นมังกรอัคคีเก้าตัววนล้อมที่รอบกายของเขา
ในวินาทีนี้ กระแสพลังมหาศาลได้แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขา เมื่อเขายกมือขึ้นชี้ มังกรทั้งเก้าได้รวมเป็นหนึ่ง กลายเป็นหัวมังกรขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง อ้าปากงับเข้ามา