มีคุณสมบัติเข้าไปในสำนักทองเหลืองโบราณได้ ถ้าไม่ใช่ยอดอัจฉริยะ ก็เป็นยอดฝีมือราชาเทพของกองกำลังต่าง ๆ แต่ละคนล้วนเป็นบุคคลแกนกลางและกำลังหลักของแต่ละสำนักตระกูล
“หรือว่าจะพังทลายลงเมื่อตอนกระแทกกับโลงศพทองแดง?”
“หรือว่าการดำรงอยู่ที่น่าสะพรึงกลัวในเหวญาณปีศาจได้เก็บเอาตำหนักโบราณกลับไปด้วย?”
“……”
อาจารย์มกุฎเทพทั้งเก้าอดไม่ได้ที่จะลองคาดเดา แต่ไม่ว่าจะเป็นจุดจบเช่นใด ต่างก็ทำให้พวกเขาทำอะไรไม่ถูก ยากที่จะยอมรับได้
“เจ้าหลิว!”
อาจารย์มกุฎเทพของตระกูลเจ้ามีท่าทางร้อนใจขึ้นมา แล้วได้เหาะลอยตัวเข้าไปทันที ปลดปล่อยตัวสำนึกของตนออกมาเพื่อตามหาเบาะแส
อาจารย์มกุฎเทพคนอื่น ๆ ต่างก็ได้มีการเคลื่อนไหว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมื่อครู่ พวกเขาไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เหวญาณปีศาจมากเกินไป ต่อให้เป็นการตามหาอยู่ที่เขตแดน ก็ได้เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง
สามารถจินตนาการได้ว่า เมื่อผ่านเรื่องราวในวันนี้ไป เหวญาณปีศาจจะต้องถูกสามสำนักหกตระกูลจัดให้เป็นสถานที่อันตรายถึงชีวิตอย่างแน่นอน!”
โลงศพทองแดงก็เป็นที่น่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุดแล้ว สิ่งที่ดำรงอยู่ในเหวญาณปีศาจสามารถต่อยโลงศพโบราณนั่นให้ลอยออกไปได้ในหมัดเดียว ความแข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวของมัน เป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดเดา อยู่เหนือขอบเขตที่พวกเขาสามารถจินตนาการได้
“หาเจอแล้ว!”
ไม่นานนัก อาจารย์มกุฎเทพทั้งเก้าก็ได้ตามหาลูกศิษย์และคนของสำนักเจอตาม ๆ กัน คนพวกนี้ล้วนเป็นคนที่ได้เข้าไปในสำนักทองเหลืองโบราณเมื่อก่อนหน้านี้ บัดนี้ตำหนักโบราณได้หายไป คนพวกนี้ได้สลบไสลอยู่ไม่ไกลจากเหวญาณปีศาจ
“เจ้าหลิวเล่า? เหตุใดจึงไม่พบเจ้าหลิว?”
เสียงตะโกนดังขึ้น เคราของตระกูลจ้าวผู้นั้นลอยกวัดแกว่ง อาจารย์มกุฎเทพในวัยชรามีสีหน้าดำคล้ำ กระแสพลังอันมหาศาลได้ระเบิดออกมาจากร่างของเขา
เห็นเพียงเขายื่นมือออกไปคว้า ดึงเอาราชาเทพคนหนึ่งของตระกูลจ้าวเข้ามา บีบคอของเขาเอาไว้ แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเคร่งขรึม: “เจ้าหลิวเล่า? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าหลิวอยู่ไหน?”
“อาจารย์……ข้าไม่เห็นขอรับ……” ราชาเทพของใตระกูลเจ้าผู้นี้ตกใจจนหน้าถอดสี
“เจ้าคนไม่ได้เรื่อง!”
มกุฎเทพชรายกมือขึ้นตบเขาจนลอยออกไป ใบหน้าของเขาถูกตบจนเปลี่ยนรูปร่าง เลือดสด ๆ พุ่งกระฉูด ลงมือหนักมาก
ทว่าราชาเทพของตระกูลจ้าวผู้นี้กลับไม่กล้าพูดอะไรมาก คลานขึ้นมาแล้วคุกเข่าอยู่ที่พื้น ขอร้องอ้อนวอน
“เฒ่าประหลาดจ้าว เหตุใดเจ้าถึงได้โมโหเช่นนี้เล่า? ทุกคนที่เข้าไปในสำนักทองเหลืองโบราณต่างก็จะถูกส่งไปในตำแหน่งที่ตกต่างกัน พวกเขาไม่เห็นหลานชายสุดที่รักของเจ้าก็เป็นเรื่องธรรมดา”
ชายวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมได้เอ่ยขึ้นมา คนผู้นี้ได้สวมชุดสีเทา เป็นอาจารย์มกุฎเทพของตระกูลหวู
เฒ่าประหลาดจ้าวทำเสียงฮึดฮัดอย่างเยือกเย็น ตัวสำนึกของเขากระจายออกไป แต่สุดท้ายก็ยังคงตามหาร่องรอยหลานชายของตัวเองไม่เจอ
ทันใดนั้น เขาพลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ยกมือขึ้นพลิก ม้วนหยกอันหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมาในมือ ม้วนหยกส่องแสงอ่อน ๆ ยังคงสมบูรณ์ดีอยู่
ซึ่งมันได้ทำให้สีหน้าของเฒ่าประหลาดจ้าวดีขึ้นมาเล็กน้อย แผ่นวิญญาณชีวียังอยู่ หมายความว่าจ้าวตงหลิวหลานชายของเขายังมีชีวิตอยู่!
ทว่าไม่นานนัก สีหน้าที่พึ่งจะดีขึ้นมาของเฒ่าประหลาดเจ้าก็ได้หม่นหมองลงไปอีกครั้ง “ในเมื่อเจ้าหลิวยังมีชีวิตอยู่ แล้วทำไมถึงไม่ออกมา? หรือว่าได้หายไปพร้อมกับสำนักทองเหลืองโบราณที่สมควรตายนั่นแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ห่างออกไปไม่ไกลนัก หลัวซิวได้ยินเสียงของเฒ่าประหลาดเจ้า มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกอยู่สองครั้ง เขารู้ว่าจ้าวตงหลิวผู้นั้นมีอาจารย์มกุฎเทพคอยหนุนหลัง แต่คิดไม่ถึงว่าตอนเพิ่งจะออกมา ก็ได้พบเข้ากับตาเฒ่านี้เข้าแล้ว
ตอนนี้เจ้าหนุ่มจ้าวตงหลิวถูกเขาผนึกเอาไว้ในสำนักเต๋าเสวียนเทียน หากแพร่งพรายออกไปคงต้องมีปัญหาใหญ่แน่
ตอนที่อยู่ในตำหนักวัฏสงสาร หลัวซิวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ด้านนอก ส่วนคนที่ได้เห็นโลงศพทองแดงก็มีเพียงอาจารย์มกุฎเทพทั้งเก้าคนเท่านั้น ด้วยสถานะของพวกเขา ก็ไม่มีทางที่จะเล่าเรื่องนี้ออกมาง่าย ๆ
คนที่ได้เข้าไปในตำหนักวัฏสงสาร ได้กลับออกมาไม่ถึงครึ่งเท่านั้น ภายใต้การครอบคลุมของเวทย์จากอาจารย์มกุฎเทพทั้งเก้า ผู้คนที่พากันสลบไสลอยู่ก็ได้ฟื้นขึ้นมา