นอกเหนือจากอาจารย์มกุฎเทพทั้งเก้าจากสามสำนักหกตระกูลแล้ว นักยุทธ์จากสำนักและตระกูลอื่น ๆ กลับมีสีหน้างุนงง
พื้นที่บริเวณโดยรอบเป็นวงกว้างต่างได้กลายเป็นพื้นที่รกร้างปรักหักพังไปเสียแล้ว กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้ผู้คนหวาดผวาแผ่ซ่านอยู่โดยรอบ เหมือนว่าอยู่ที่นี่ ได้มีสงครามเข่นฆ่าที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินเกิดขึ้น
“คนอื่น ๆ ต่างได้ตายไปหมดแล้ว……” หญิงชรานางหนึ่งพลันเอ่ยขึ้นมา คนผู้นี้เป็นอาจารย์มกุฎเทพของตระกูลไป๋
นางไม่ได้อธิบายอะไรอย่างอื่น เอาของขลังนภาเวหาชิ้นหนึ่งออกมา พาบรรดาคนตระกูลไป๋ที่อยู่ด้านหลังกลายเป็นลำแสง แล้วหายลับขอบฟ้าไป
จากนั้นอาจารย์มกุฎเทพอีกแปดคนที่เหลือต่างก็ได้พาคนของตัวเองจากไป อาจารย์มกุฎเทพของตระกูลจ้าวผู้นั้นไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไรนัก กำแผ่นวิญญาณชีวีของจ้าวตงหลิวเอาไว้แน่น สีหน้าท่าทางมืดมนยิ่งนัก
เขาแสดงวิชาอาถรรพณ์ออกมา กลับสัมผัสไม่ถึงกลิ่นอายของจ้าวตงหลิวเลยสักนิด มันยิ่งทำให้เขาเชื่อว่าหลานชายของตนได้หายไปพร้อมกับสำนักทองเหลืองโบราณ
ในบรรดาผู้คนที่เหลืออยู่ หลัวซิวไม่เห็นหลี่ชางเขาพึ่งจะมาถึงโลกะอัมพรเทวได้ไม่นาน หลี่ชางแห่งสำนักเซียนชี่ม่วง พูดได้ว่าเป็นเพียงคนเดียวที่เขารู้จัก มีความเป็นไปได้ว่าได้ดับสูญไปในตำหนักวัฏสงสารเสียแล้ว
หลายวันต่อมา หลัวซิวได้ปรากฏตัวขึ้นที่เมืองแห่งหนึ่งในทางทิศใต้ของโลกะอัมพรเทว รูปร่างของเขาในตอนนี้นั้นคือร่างอันดับหนึ่งของร่างกลวัฏสงสาร ใช้ตัวตนของหลี่ยู่ ท่องเที่ยวไปในโลกะอัมพรเทว
ไม่ว่าอย่างไรเสียเมื่อตอนที่เขามาถึงโลกะอัมพรเทวเป็นครั้งแรก ข้อมูลที่บันทึกอยู่ในป้ายประจำตัวของเขาก็คือข้อมูลของหลี่ยู่
ห้วงความคิดแทรกซึมเข้าไปในตัวหยั่งรู้ พบเพียงว่ามีตำหนักสีเหลืองดำลอยอยู่ในตัวหยั่งรู้ เป็นตำหนักวัฏสงสารนั่นเอง!
ทุกคนต่างคิดว่าสำนักทองเหลืองโบราณได้หายไป แต่ความจริงแล้วตำหนักที่มีนามว่าวัฏสงสารไม่ได้หายไป แต่ได้ผสานเข้ามาอยู่ในตัวหยั่งรู้ของเขา
ไม่เพียงเท่านี้ ลูกแก้วความเป็นตายก็ได้รวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับตำหนักวัฏสงสาร เพียงแต่ว่ากระบวนการรวมตัวนั้นกำลังดำเนินต่อไป ตราสำนึกของเขาไม่สามารถเข้าไปสำรวจได้
ตอนอยู่ในตำหนักวัฏสงสารเมื่อตอนนั้น เขามีลูกแก้วความเป็นตายอยู่ในมือ จึงไร้ซึ่งสิ่งกีดขวางในทุกหนแห่ง เขารู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่า ลูกแก้วความเป็นตายและตำหนักวัฏสงสารเป็นสมบัติสายเดียวกัน
ตอนนี้ลูกแก้วความเป็นตายและตำหนักวัฏสงสารได้รวมเป็นหนึ่งเดียว สำหรับเขาแล้ว จะต้องไม่มีข้อเสียอะไรแน่
“ได้ยินหรือยัง มีข่าวออกมาจากสามสำนักหกตระกูลว่า บริเวณใกล้กับเหวญาณปีศาจในวันนั้น สาเหตุที่คนของกองกำลังต่าง ๆ ได้ตายไปจำนวนมากนั้น เพราะมีโลงศพทองแดงขนาดใหญ่ใบหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า และชนเข้ากับตำหนักวัฏสงสาร ทำเกิดเป็นคลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวขึ้นมา นอกจากอาจารย์มกุฎเทพทั้งเก้าคนแล้ว คนอื่น ๆ ต่างได้ตายไปจนหมด
“ว่ากันว่ามีมือขนาดใหญ่ข้างหนึ่งปรากฏขึ้นที่เหวญาณปีศาจ และต่อยโลงศพทองแดงลอยออกไปภายในหมัดเดียว ตอนนี้รอบ ๆ เหวญาณปีศาจเป็นวงกว้างต่างถูกวาดให้เป็นสถานที่ต้องห้าม!”
หูของหลัวซิวได้ยินสิ่งที่ผู้คนสนทนากันภายในภัตตาคาร อดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา
“โลงศพทองแดง? เหวญาณปีศาจ? ……”
เขาขมวดคิ้ว ตอนนั้นอยู่ในตำหนักวัฏสงสาร เข้าสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนและเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับว่ามีสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวบางอย่างได้กระแทกเข้ากับตำหนักวัฏสงสาร
สำหรับโลงศพทองแดงนั่น เขาไม่ได้นึกเชื่อมโยงไปถึงโลงศพโบราณที่ได้พบลอยอยู่ในวังวนที่สถานผนึกดารามรณะ
เพราะพื้นที่ตั้งของดาราฟ้าเยือกอยู่และโลกะอัมพรเทวนั้นอยู่ห่างไกลกันมากนัก
เขายกกแก้วเหล้าขึ้นมา ความรู้สึกแผดร้อนได้ไหลผ่านลำคอ ในฐานะบุคคลภายนอกที่เร่ร่อนอยู่ในต่างแดน ทำให้เขามักจะมีความรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่บ่อยครั้ง
ดื่มสุราในยามที่รู้สึกโดดเดี่ยว จะทำให้หัวใจที่เดียวดายตกผลึก ในใจไร้ซึ่งความบ้าระห่ำ แต่กลับแน่วแน่ยิ่งขึ้น
“จุดลมปราณที่สิบแปดของร่างเนื้อได้เปิดออก จุดตันเถียนได้ผนึกรวมดวงดาวสิบแปดดวง แดนบ่อเกิดของกฎความเป็นตายและห้วงเวลาต่างก็บรรลุถึงขั้นที่สี่ ในระดับขึ้นเทพมาร ข้าได้บรรลุถึงความบริบูรณ์ถึงขีดสุดแล้ว”