ตั้งแต่สมัยโบราณ ได้มีคำกล่าวถึงจิตวิญญาณ
จิตวิญญาณ หมายถึงวิญญาณและกายใจ
ตัวหยั่งรู้เป็นที่อยู่ของวิญญาณ รองรับตัวสำนึก ผสมปนเปกันอยู่ จิตวิญญาณไม่สามารถแยกออกจากกันได้ วิญญาณต้องการร่างกายเพื่อเป็นพาชนะ กายต้องการวิญญาณเป็นเป็นผู้นำ
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับวิญญาณ การชุบร่างของร่างกายค่อนข้างตรงไปตรงมามากกว่า เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีจากภายนอก ร่างกายยังเป็นด่านแรกที่ถูกโจมตีและเกิดความเสียหาย เพื่อที่จะปกป้องวิญญาณของตนเองให้ดียิ่งขึ้น
แต่ถ้าหากเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งที่เชี่ยวชาญโจมตีวิญญาณ ร่างกายที่ผ่านการชุบร่างต่อให้จะทรงพลังมากถึงเพียงใดก็ไร้ซึ่งประโยชน์ เพราะการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามจะส่งผลโดยตรงต่อตัวหยั่งรู้ เมื่อใดก็ตามที่การคุ้มกันของตัวหยั่งรู้ถูกตีพ่าย วิญญาณดั้งเดิมที่บอบบางก็จะถูกโจมตีได้โดยง่าย เมื่อเกิดเสียหาย ก็ยากที่จะฟื้นฟู
หากว่าตัวหยั่งรู้สามารถกลายเป็นวังอัมพรแห่งหนึ่งได้ เช่นนั้นก็เหมือนกับการฝึกเซ่นของขลังคุ้มกันโจมตีวิญญาณชิ้นหนึ่ง อีกทั้งเมื่อพลังของตัวนักยุทธ์เพิ่มขึ้น ตัวหยั่งรู้วังอัมพรก็จะยิ่งจะแข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย มีประสิทธิภาพในการคุ้มกันโจมตีวิญญาณ
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่านักยุทธ์ทุกคนเมื่อบรรลุถึงแดนเทพฟ้าจะสามารถกลั่นแปรตัวหยั่งรู้ของตนให้เป็นวังอัมพรได้ ในการทำเช่นนี้ จำต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขหลายประการ
ประการที่หนึ่ง คือวรยุทธ์ฝึกตนของตนเองนั้นแข็งแกร่งเพียงพอ ประการที่สองคือครอบครองพรสวรรค์ที่สูงมาก และจำเป็นต้องมีเคล็ดวิชามาเพื่อเป็นตัวช่วย
ด้านล่างเขาไป่หยุน ทุกคนต่างพากันกลั้นหายใจ พวกเราต่างก็สามารถรับรู้ได้ว่า ผู้แข็งแกร่งลึกลับท่านนี้ที่เพิ่งฆ่าราชาเทพทั้งสามไป อำนาจบนร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับได้มาถึงขอบแดนแล้ว กำลังทดลองที่จะพังทลายกฎเกณฑ์ของแดน
“หรือว่าเขากำลังจะบรรลุเป็นมกุฎเทพหรือ?”
เจ้าสำนักไป่หยุนตกใจถึงขีดสุด สามารถสังหารราชาเทพช่วงปลายได้อย่างง่ายดาย ในสายตาของเขา ผู้แข็งแกร่งลึกลับท่านนี้มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นราชาเทพขั้นเก้าขั้นสูงท่านหนึ่ง กระทั่งกึ่งมกุฎเทพก็มีความเป็นไปได้
การดำรงอยู่ในแดนระดับนี้ หากมีการบรรลุขึ้นอีกครั้ง ก็จะกลายเป็นมกุฎเทพแล้วไม่ใช่หรือ?
“ยังไม่พอ!”
กลางอากาศ หลัวซิวลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน รู้สึกถึงพลังงานที่พุ่งพล่านในร่างกายโจมตีไปยังประตูแห่งกฎเกณฑ์อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าประตูแห่งกฎเกณฑ์จะมีร่องรอยความหลวมขึ้นบ้างแล้ว แต่พลังงานในร่างกายกลับดูเหมือนว่าจะไม่มีทางไปต่อได้แล้ว
ร่างของเขากระพริบครั้งหนึ่ง และหายตัวไปในทันที วินาทีต่อมาก็กลับเข้ามาอยู่ภายในถ้ำที่เขาได้เปิดมันออกก่อนหน้านี้
ปัง!
ภายในถ้ำ ประกายแสงเทวะพร่างพรายขึ้นไปบนท้องฟ้า นักยุทธ์จำนวนมากด้านล่างเขาไป่หยุนภาพเห็นภาพนี้ ต่างก็รู้สึกว่าดวงตาทั้งสองข้างเจ็บแสบ น้ำตาไหลออกมาเป็นทาง นั่นคือความเจิดจรัสของพลังงานของแก้วเทวหลายสิบล้านที่พุ่งทะลักออกมา
พลังมหาศาลปะทุอยู่ภายในถ้ำ ราวกับภูเขาไฟนับแสนลูกกำลังจะปะทุ พลังของแก้วเทวหลอมรวมเป็นลำแสง พุ่งทะลุเข้าไปในกลุ่มเมฆ ฉีกท้องฟ้าให้เปิดออก ราวกับมังกรที่กำลังเคลื่อนไหว
นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น หลัวซิวก็นำเอาแก้วเทวจำนวนมหาศาลออกมา ลำแสงหนาเหมือนต้นเสาเส้นแล้วเส้นเล่าทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับมังกร ผ่านทะลุท้องฟ้าและผืนดิน ทั่วทั้งเขาไป่หยุนต่างก็จมอยู่ภายใต้พลังงานแสงเทวะอันไม่มีที่สิ้นสุด
ในเวลานี้ หลัวซิวที่แช่ตัวอยู่ภายในมหาสมุทรแสงเทวะ ราวกับว่ากลายเป็นความนิรันดร์หนึ่งเดียวของโลกใบนี้
ชุดคลุมยาวสีขาวดำบนร่างของเขาปลิวไสว ผมยาวสีดำเงาพลิ้วไปตามแรงลม ร่างกายของเขาส่องประกาย ร่างกายของเขาเปล่งประกายด้วยแสงแห่งความแหลมคม ดูเหมือนว่าร่างเนื้อของเขาจะเป็นนักยุทธ์ที่แข็งแกร่งชิ้นหนึ่ง ปรารถนาที่จะต่อสู้กับสวรรค์
เขาหลับตาลง ร่างกายลอยเคว้งอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรแห่งพลังงาน เหมือนเทพเจ้าองค์หนึ่งที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหลชั่วนิรันดร์
ตง!
หัวใจเขาเต้นรัว ร่างยุทธ์ร่างเนื้ออันแข็งแกร่งทันใดนั้นก็ระเบิดออกมาเป็นปราณโลหิต หนึ่งแสนแปดหมื่นรูขุมขนรอบกายของเขาต่างเปิดออก ปราณโลหิตหนึ่งแสนแปดหมื่นสายพุ่งขึ้นไปบนฟ้า ราวกับมังกรสีเลือดหนึ่งแสนแปดหมื่นตัว