เหวิง!
ห้วงดาราผืนหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา ดาราสีทองสิบแปดดวง ดาราสีดำยี่สิบดวง รวมถึงกฎดาราแปดดวง
ทันใดนั้น ที่ใจกลางห้วงดารา ชีวิต ความตาย เวลา และปริภูมิกลายเป็นวัฏสงสาร ใจกลางของวัฏสงสาร มีตำหนักวัฏสงสารลอยอยู่ ราวกับผู้พิทักษ์ที่ปกปักษ์อยู่ ณ ใจกลางวัฏสงสาร
โครม……
ท้องฟ้าที่สว่างไสว ทันใดนั้นก็กลายเป็นความมืดครึ้ม เสียงคำรามของสายฟ้าสะเทือนลั่นฟ้าดิน เมฆดำพากันลอยเข้ามา
อัสนีสีม่วง ทะเลอัสนีสีทอง กลายเป็นมังกรสายฟ้า แม้กระทั่งกลายเป็นอาวุธมีดหอกดาบง้าวมากมาย ราวกับลมพายุที่โหมกระหน่ำ พลันกดให้ร่างของหลัวซิวจมลงไป
ร่างเนื้อของเขาแตกหักอย่างต่อเนื่องท่ามกลางการชุบร่างของทัณฑ์สายฟ้า จากนั้นก็ได้รับการรักษาโดยร่างอมตะกลับกลายเป็นความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้น
กระบวนการนี้ หลัวซิวได้ประสบมาหลายครั้ง จนเรียกได้ว่าคุ้นเคยจนเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว แม้ว่าสายฟ้าจะฟาดลงไปยังตัวหยั่งรู้ โหมกระหน่ำห้วงดาราที่ถูกกลั่นแปรอยู่ในตัวหยั่งรู้ ความเจ็บปวดจากสายฟ้าที่โจมตีวิญญาณ อย่างมากเขาก็ทำเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเท่านั้น
แม้ว่าผลการฝึกตนของเขา วิญญาณ รวมถึงร่างเนื้อจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แต่ว่าพลังของเขาก็ยังคงห่างไกลกับพลังระดับมกุฎเทพอยู่ช่วงหนึ่ง ราวกับมีโซ่ตรวนที่เป็นนามธรรมผูกมัดเขาไว้ นอกเสียจากการบรรลุของแดนใหญ่ ไม่เช่นนั้นเขาจะอยู่ใกล้มกุฎเทพอย่างไม่รู้จบ แต่จะไม่มีวันได้ครอบครองพลังรบที่เทียบเท่าระดับมกุฎเทพอย่างแท้จริงได้
และปรากฏการณ์นี้ ก็คือขีดจำกัด
เขาอยู่ในแดนเทพฟ้า บรรลุถึงสภาวะขีดจำกัด อย่างมากที่สุดก็สามารถข้ามได้เพียงหนึ่งแดนใหญ่เท่านั้น บรรลุถึงขีดจำกัดของราชาเทพ ไม่สามารถบรรลุถึงระดับมกุฎเทพได้
ในความมืดมิด สิ่งนี้ราวกับว่าเป็นการผูกมัดและเจตจำนงของกฎจักรวาลฟ้าดิน เหมือนกับการจองจำอย่างไรอย่างนั้น พันธนาการชีวิตทั้งหมดในจักรวาล
เพื่อที่จะทดสอบสมมุติฐานของตนเอง หลัวซิวเริ่มดูดกลืนกลั่นแปรกมลโลกา เปิดจุดลมปราณร่างเนื้อ
เขารู้สึกว่าพลังรบของตนในวันนี้ มันได้มาถึงจุดที่เรียกว่าสภาวะของการเปลี่ยนแปลงแล้ว เพียงแค่ก้าวเดียวก็ไปถึงระดับมกุฎเทพได้
เพียงแค่เปิดจุดลมปราณร่างเนื้ออีกครั้งหนึ่ง แม้แต่การเปิดเพียงครั้งหนึ่ง ก็สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพลังของเขาได้อย่างมาก
หากสามารถทำลายพันธนาการนี้ได้ นั่นก็หมายความว่าการผูกมัดของกฎจักรวาลฟ้าดินสามารถทำลายได้ แต่ถ้าหากไม่สามารถ เช่นนั้นสุดขีดจำกัดในคำกล่าวขาน ก็คือสิ่งที่มีอยู่จริง
ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธค่อย ๆ สลายไป สำหรับหลัวซิวในปัจจุบันแล้ว ทัณฑ์สายฟ้าในระดับนี้ไม่สามารถคุกคามเขาได้อีกต่อไป
กมลโลกาชั้นสูงที่เต็มไปด้วยพลังงานและกฎถูกเขากลั่นแปรอย่างต่อเนื่อง จุดลมปราณทั้งสองที่แขนขวากลายเป็นกระแสวนของหลุมดำ
“ปัง!”
ไม่รู้ว่าวันเวลาผ่านไปเนิ่นนานเพียงใดแล้ว จุดลมปราณใหญ่ทั้งสองถูกเปิด ออร่าอันน่าสะพรึงกลัวที่มากมายมหาศาลนั้นระเบิดออกมาจากบนเรือนร่างของเขา
แต่ว่าหว่างคิ้วของหลัวซิวกลับขมวดเข้าหากันจนแน่น เพราะว่าพลังรบของเขายังคงไม่สามารถบรรลุถึงระดับมกุฎเทพเช่นเดิม
“หรือจะเป็นเพราะแดนกฎของข้ายังไม่บรรลุถึงกฎดั้งเดิมขั้นที่หก?”
หลัวซิวขบคิดอยู่ภายในใจ ไม่ว่าจะเป็นผลการฝึกตนหรือว่าแดน ไม่สามารถตัดสินพลังรบของนักยุทธ์คนหนึ่งอย่างแท้จริงได้
ก็เหมือนประเภทที่แตกต่างออกไปอย่างเขา ผลการฝึกตนและแดนกฎต่างก็ใช่ว่าจะสูงมาก แต่กลับสามารถอาศัยพลังอันบริสุทธิ์ สามารถบรรลุผลของการต่อสู้ข้ามแดนได้ ใช้พลังรบที่แข็งแกร่งถึงขีดสุด เพื่อเติมเต็มในด้านที่ยังไม่เพียงพออย่างผลการฝึกตนและแดนกฎ
เขาไม่เคยมีความรู้สึกนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เขารู้สึกถึงการผูกมัดของขีดจำกัดแล้วจริง ๆ
เขาพลิกมือหยิบม้วนหยกที่เขาเพิ่งได้รับออกมา ด้านในมีวรยุทธ์หนึ่งบันทึกไว้ เริ่มตั้งแต่แดนกลั่นร่างที่เป็นพื้นฐานที่สุด ไปยังคุณธรรมระดับแดนราชาเทพ ส่วนวิธีแห่งการฝึกตนหลังจากบรรลุราชาเทพแล้ว กลับเป็นภาพพร่ามัว ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของเขาจะต้องถึงระดับหนึ่งก่อน จึงจะสามารถมองเห็นส่วนต่อไปได้