เผชิญหน้ากับการโจมตีของเสิ่นปิงหยู หลัวซิวย่อมไม่มีทางนั่งรอความตายอยู่เฉย ๆ เป็นแน่ ร่างเนื้อร่างยุทธ์ของเขาถึงแม้จะแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่อีกฝ่ายฝึกตนคือวรยุทธ์ระดับจักรพรรดิเทพ อีกทั้งกฎอัคคีเยือกต่างก็อยู่ที่แดนกฎดั้งเดิมขั้นที่หก อาศัยเพียงร่างยุทธ์ร่างเนื้ออย่างเดียวก็ยากเกินไปที่จะต้านเอาไว้ได้
ในนาทีนั้นเองเขาได้หยุกการดูดแก่นสารกฎดั้งเดิมของปีศาจเพลิงเอาไว้ก่อน กฎปริภูมิโคจร ร่างของเขาหายไปในชั่วพริบตา และปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง ก็อยู่ที่ช้างกายของเสิ่นปิงหยูแล้ว มือขวากำหมัด หมัดกระบี่หลอมรวม ปล่อยออกไปเสียงดังสนั่น
ปัง!
ปริภูมิถูกทุบทำลายล้างภายใต้หมัดของเขา แต่ร่างของเสิ่นปิงหยูกลับกลายเป็นภาพมายา ที่ถูกเขาบดขยี้นั้นเป็นเพียงแค่เศษเงาเท่านั้น
จิตสังหารอันเยือกเย็นครอบคลุมรอบกาย ตัวสำนึกของหลัวซิวที่คอยจับเสิ่นปิงหยูได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขาแล้ว กฎน้ำแข็งหลอมรวม นิ้วหนึ่งโจมตีเข้ามาทางท้ายทอยของเขา
“ปริภูมิทับซ้อน!”
หลัวซิวไม่ได้หลบหลีก แต่เป็นการใช้กฎปริภูมิทำให้ปริภูมิที่ทับซ้อนหดตัวอยู่รอบกายของเขา การโจมตีด้วยหนึ่งนิ้วมือของเสิ่นปิงหยูหากต้องการจะโจมตีถึงตัวเขา อันดับแรกคือจำเป็นต้องทำลายปริภูมิทีทับซ้อนกันให้ได้เสียก่อน
ปัง! ปัง! ปัง! ……
เสียงระเบิดของปริภูมิกระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง เสิ่นปิงหยูสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย นิ้วของนางอยู่ห่างจากร่างกายของอีกฝ่ายเพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่กลับรู้สึกเหมือนถูกปริภูมิคั่นไว้หลายสิบลี้
“กฎปริภูมิช่างประณีตเหลือเกิน”
นางหยุดการโจมตีในทันที นิ้วมือก็ถูกดึงกลับมาในวินาทีนั้น หลังจากนั้นร่างของทั้งสองคนก็กลายเป็นเศษเงา ต่อสู่กันครั้งใหญ่ภายในตำหนักปีศาจเพลิง
เสียงดังโครมครามสะนั่นอย่างต่อเนื่อง ร่างของคนทั้งสองบางครั้งก็สลายไป บางครั้งก็ปรากฏขึ้นมา การเผชิญหน้ากันแต่ละครั้งก่อให้เกิดพลังงานที่ล้นเหลือปั่นป่วนขึ้นมา
“คาดไม่ถึงว่านักยุทธ์แห่งโลกามนุษย์จะมียอดฝีมือแบบเจ้าปรากฏอยู่ด้วย”
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของเสิ่นปิงหยูก็ปรากฏขึ้นที่บริเวณห่างออกไปนับร้อยเมตร กฎอัคคีเยือกหลวมรวม เปิดปากพูดออกมาเสียงเบา “บัวเทพมหาวาล!”
วรยุทธ์ที่จักรพรรดิเทพมหาวาลสร้างขึ้น นามว่าเคล็ดฟ้าดินมหาวาล วรยุทธ์นี้แบ่งออกเป็นสิบสองขั้น ส่วนบัวเทพมหาวาล คือพลังอมตะที่ฝึกตนถึงแดนเทพฟ้าแล้วจึงจะสามารถฝึกตนได้เท่านั้น
พลังอมตะวิชานี้คือพลังอมตะระดับเทพฟ้า แต่กลับเป็นจักรพรรดิเทพมหาวาลใช้การสัมผัสรู้ของแดนจักรพรรดิเทพสร้างขึ้นมา พลังอำนาจนั้นไม่อาจคาดเดาได้
หลัวซิวอาศัยเงาสะท้อนวัฏสงสาร สามารถรับเอาแปดขั้นแรกของเคล็ดฟ้าดินมหาวาลมาได้ พลังอมตะบัวเทพมหาวาลนี้ก็ถูกบันทึกเอาไว้ในวรยุทธ์ขั้นที่แปด
กฎอัคคีเยือกพันกัน กลายเป็นแท่นบัวเทพแห่งหนึ่ง พุ่งลงมาเหนือศีรษะของหลัวซิวครอบลงมาควบคุมเอาไว้
“บัวเทพมหาวาลงั้นหรือ? ข้าก็ทำได้!”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของหลัวซิว ใช้พลังอมตะหมื่นจักรวาลไร้รูปแปรเปลี่ยน กฎปริภูมิหลอมรวมกันเป็นแท่นดอกบัวสีเงินแล้วลอยขึ้น
ปัง!
แท่นดอกบัวทั้งสองแท่นชนเข้าด้วยกัน กฎปริภูมิของหลัวซิวอยู่ในแดนขั้นที่ห้า กับกฎอัคคีเยือกขั้นหกเมื่อเทียบกันแล้วแตกต่างกันอย่างมาก วินาทีที่ชนเข้าหากัน แท่นดอกบัวแสงสีเงินพังทลายลง
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนแต่อย่างใด แดนกฎแต่เดิมแล้วมันก็ไม่ใช่จุดแข็งของเขาอยู่แล้ว เห็นเพียงเขายกมือขึ้นจับ หอกยุทธ์มังกรดำก็พลันปรากฎอยู่ในมือของเขา ร่างกายล้อมรอบด้วยเปลวเพลิง ชุดรบมกุฎเทพที่แช่งชิงมาจากมือของจู้หงเทียนครอบคลุมร่างกายของเขาเอาไว้
เปรียบเทียบได้ร่างยุทธ์ร่างเนื้อที่ดุดันของราชาแห่งศัสตราวุธชั้นยอดระเบิดออกมา หลัวซิวคนและหอกผสานเป็นหนึ่ง กลายเป็นแสงหอกมังกรโจมตีแท่นบัวเทพที่หลอมรวมขึ้นโดยอัคคีเยือกจนแหลกสลายลงในทันที
อีกทั้งสมรรถภาพของแสงหอกมังกรไม่ลดลง ความรวดเร็วนั้น เพียงหนึ่งลมหายใจก็เข้ามาใกล้ด้านหน้าของเสิ่นปิงหยูแล้ว
เสิ่นปิงหยูคิ้วย่นเล็กน้อย มือเรียวงามยกมือขึ้นอย่างช้า ๆ โล่แวววาวของลูกแก้วน้ำแข็งชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้น ต้านการประทะจากหอกรบนี้ของหลัวซิวเอาไว้
เสียงดังกึกก้อง ภายใต้การป้องกันของโล่ลูกแก้วน้ำแข็ง ร่างของเสิ่นปิงหยูพลันลอยถอยหลังออกไป ดวงตาคู่สวยจ้องมองหลัวซิวอย่างเย็นชา