ภายในห้องโถงใหญ่แห่งนี้รองรับคนไว้เกือนพันกว่าคน เมื่อคาดสถานการณ์จากปริมาตรของเรืออนัตตา ห้องโถงใหญ่ที่เป็นทำนองเดียวกันกับห้องนี้น่าจะยังมีอีกหลายห้อง จำนวนคนที่เรืออนัตตาลำหนึ่งรองรับได้ อย่างน้อยก็มีไม่ต่ำกว่าหมื่นคน
มีตัวสำนึกห้าหกตัวสำเร็จแผ่สำรวจมาอย่างอุกอาจ หลัวซิวทำเสียงหึอย่างเยือกเย็น ตัวสำนึกดุจกระบี่ ทลายตัวสำนึกเหล่านั้นไปภายในชั่วพริบตาเดียว
ผลการฝึกตนของเขาไม่สูง แต่ตัวหยั่งรู้กลายเป็นห้วงดาราแล้ว ใช้พลังแห่งวัฏสงสารที่กลายมาจากการเวียนว่ายตายเกิดและห้วงเวลามาชุบตัวสำนึกของตน เพราะฉะนั้นพลังตัวสำนึกของเขาจึงทรงพลังมาก ๆ ข่มคนจำนวนมากไปได้ในทีเดียว
ตรงซอกมุมของห้องโถงใหญ่ยังมีที่นั่งว่างอยู่อีกสี่ตำแหน่ง บอกว่าเป็นที่นั่ง ในความเป็นจริงแล้วมันคือพื้นที่ที่มีขนาดหนึ่งตารางเมตรที่หนึ่ง และมีเบาะนั่งทรงกลมวางอยู่เพียงใบตัวเดียวเท่านั้น เป็นพื้นที่ที่ไม่พร้อมสำหรับการนั่งอย่างยิ่ง
หลังจากใช้ตัวสำนึกข่มคนเหล่านั้นไปแล้ว หลัวซิวก็ไม่พูดอะไรเลยสักคำ ก่อนจะพาหญิงสาวทั้งสองมุ่งหน้าเดินตรงไปยังตำแหน่งที่อยู่ตรงซอกมุม
แต่ทว่าในเวลานี้เอง จู่ ๆ ก็มีเงาดำร่างหนึ่งมาขวางทางเดินของพวกเขาเอาไว้
นี่คือชายร่างยักษ์คนหนึ่ง หน้าตาดูดุร้ายเล็กน้อย ดูแล้วเหมือนเป็นคนประเภทที่หาเรื่องด้วยง่าย ๆ ไม่ได้
“ถอยไปหน่อย”หลัวซิวพูดอย่างเรียบนิ่ง
เมื่ออยู่ต่อหน้าชายร่างยักษ์คนดังกล่าว รูปร่างของหลัวซิวก็ดูผอมเล็กมากอย่างเห็นได้ชัด แต่ทว่าแววตาของเขากลับดูเรียบนิ่งมาก
“อยากข้ามผ่านไปน่ะได้อยู่ ส่งแก้วเทวชั้นกลางหนึ่งร้อยล้านชิ้นมา”ชายร่างใหญ่ยิ้มยิงฟัน เผยให้เห็นฟันที่เหลืองอร่ามนั่น ก่อนจะยื่นมือออกมาชี้แล้วพูด: “พวกเจ้ามีทั้งหมดสามคน ก็ต้องส่งออกมาสามล้านชิ้นถึงจะข้ามผ่านไปได้”
หลัวซิวขมวดคิ้วลง เขานึกไม่ถึงเลยว่าทันทีที่ขึ้นเรือก็ได้พบเจอกับคนตาถั่วประเภทนี้เลย ทว่าเขาก็รู้สึกปลงต่อเรื่องประเภทนี้มาก ๆ เช่นกัน เนื่องจากคลื่นผลการฝึกตนของเขาเป็นเพียงราชาเทพช่วงกลาง ฉียู่หรงคือราชาเทพขั้น 7 ในส่วนของหนิงหานยู่นั้นยิ่งอ่อนกว่ามาก เป็นเพียงเจ้านภาขั้นสุดยอดเท่านั้น
ในส่วนของชายร่างยักษ์ที่มาขวางทางผู้นี้ กลับมีผลการฝึกตนราชาเทพขั้น 9 แล้ว หลัวซิวและหนิงหานยู่ไม่ถูกเขานำมาไว้ในสายตาเลยด้วยซ้ำ แค่นำดวงตาที่แววตาดุร้ายคู่นั้นผนึกไปทางฉียู่หรงที่ผลการฝึกตนสูงที่สุด
“หานยู่ เจ้าสืบเสาะมาได้หรือไม่ว่าที่นี่สามารถลงไม้ลงมือกันได้ไหม?”หลัวซิวถามหนิงหานยู่ที่อยู่ข้าง ๆ
ดวงตาที่เหมือนดั่งดวงดาวที่สว่างไสวของหนิงหานยู่กระพริบระยิบระยับขึ้นมาครู่หนึ่ง หัวเราะด้วยความสนุกสนานแล้วตอบกลับ: “เรื่องนี้ข้าสืบเสาะมาได้จริง ๆ สามารถต่อสู้กันในเรืออนัตตาได้อยู่เจ้าค่ะ หากทำให้ตัวเรือได้รับความเสียหาย จำเป็นต้องชดใช้ค่าเสียหายในราคาสิบเท่า มิเช่นนั้นก็จะถูกจับกุมตัวไปเป็นทาส อีกทั้งหากสังหารฝ่ายตรงข้ามแล้วได้รับทรัพย์สินของฝ่ายตรงข้ามมา ก็ต้องส่งให้ทางเรืออนัตตาหนึ่งครึ่ง”
“สาวน้อยรู้ไม่น้อยเลยนี่ ในเมื่อพวกมึงก็ทราบกฎระเบียบแล้ว ขอเพียงพวกมึงส่งค่าผ่านทางแก้วเทวสามร้อยล้านชิ้นมา แล้วกูจะไม่ทำให้พวกมึงต้องรู้สึกลำบากใจ”ชายร่างยักษ์แสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูด
“เจ้าแน่ใจหรือว่าจะขอแก้วเทวสามร้อยล้านชิ้นกับข้า?”หลัวซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย พลางปลดปล่อยจิตสังหารของตัวเองออกมาส่วนหนึ่ง
หากไม่มีความจำเป็น เขาก็ไม่อยากลงไม้ลงมือที่นี่เช่นกัน หากเจ้าหมอนี่ไม่อยากเผชิญหน้ากับความลำบาก เขาก็ไม่รังเกียจที่จะไว้ชีวิตเขาครั้งหนึ่ง
ถึงแม้สิ่งที่หลัวซิวปลดปล่อยออกมาจะเป็นเพียงจิตสังหารส่วนหนึ่งเท่านั้น ทว่าภายในมีจิตที่จะฆ่าอันมากมายมหาศาลแฝงซ่อนอยู่ จึงทำให้สีหน้าของชายร่างยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าตึงเครียดขึ้นมาทันที
ในความเป็นจริงเขาก็ไม่กล้าลงไม้ลงมืออย่างโอ่อ่าอยู่ที่นี่เช่นกัน ทันทีที่ทำให้ตัวเรืออนัตตาได้รับความเสียหาย ราคาที่ต้องชดใช้นั้นน่าสยดสยองมาก ๆ ทันทีที่แก้วเทวที่อยู่บนตัวมีไม่มากพอ ก็จะถูกจับกุมตัวลดขั้นเป็นทาสทันที
คิดใคร่ครวญอย่างรอบคอบในใจอีกรอบ ชายร่างยักษ์จึงล้มเลิกแผนการที่จะลงไม้ลงมือ มองหลัวซิวด้วยสายตาที่ดุดันรอบหนึ่ง ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป
“ช้าก่อน!”
มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น ถัดจากนั้นชายร่างยักษ์ก็สัมผัสได้ว่ามีจิตสังหารที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าได้แผ่คลุมร่างกายของเขาไว้จนรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูก
และเจ้าของเสียงดังกล่าวก็ต้องเป็นหลัวซิวอยู่แล้ว