ถึงแม้ในบรรดาผู้ที่มีป้ายบัญชาการขึ้นเรือสีทองแดง ก็มีผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพบางส่วนที่ไม่มีกำลังทรัพย์ในการซื้อป้ายบัญชาการขึ้นเรือสีทองสีเงินหรือซื้อไม่ได้ แต่ห้องโถงใหญ่ประเภทนี้ในเรืออนัตตานั้นมีหลายห้องมาก ๆ จำนวนมกุฎเทพก็มีน้อยมาก ๆ อีก อย่างน้อยห้องโถงใหญ่ที่หลัวซิวกำลังอยู่ ไม่มีมกุฎเทพอย่างแน่นอน มีผู้แข็งแกร่งกึ่งมกุฎเทพสิบกว่าคนเท่านั้น
เนื่องจากเรืออนัตตาไม่ได้บินตรงไปยังมหาโลกายอดอัมพรโดยตรง ระหว่างทางจะมีการเดินทางผ่านโลกาต่าง ๆ มากมาย โดยทั่วไปแล้วการจะมุ่งหน้าจากโลกะดาราคุนหลุนไปยังมหาโลกายอดอัมพรนั้น ต้องใช้เวลาสองสามปี
หลัวซิวจัดวางค่ายกลซ่อนเร้นในตำแหน่งของตัวเอง หนิงหานยู่และฉียู่หรง เมื่อดูจากข้างนอก ตำแหน่งที่พวกเขาอาศัยอยู่จะดูเลือนราง พลังออร่าทุกอย่างล้วนถูกผนึกอำพราง
หลัวซิวจึงใช้แก้วห้วงเวลากลั่นผังค่ายของสีมาเพลาออกมาอีกครั้ง เนื่องจากปริมาณแก้วห้วงเวลาที่อยู่ในมือเขาและฉียู่หรงมีไม่น้อย ดังนั้นใช้เวลาไม่นานนัก เขาก็กลั่นผังค่ายเพลาออกมาได้สามชิ้น ประสิทธิผลในการลดเวลาของผังค่ายเพลาทั้งสามล้วนสามารถลดลงได้สิบเท่า
อีกทั้งเนื่องจากปริมาณแก้วห้วงเวลาที่เขาใช้ไปนั้นไม่น้อย เพราะฉะนั้นระยะเวลาที่ผังค่ายเพลาสามารถประคองก็ค่อนข้างน้อย อย่างน้อยสุดก็เพียงพอต่อการฝึกตนกระทั่งเดินทางถึงมหาโลกายอดอัมพรแล้ว
บนเรืออนัตตา หลัวซิวไม่กล้าใช้โลกาศุภรตามอำเภอใจ อย่างไรเสียเรื่องราวของเศษใจแห่งศุภรนั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ
“ถ้าหากสามารถใช้โลกาศุภรได้ก็คงจะได้มาก”
ผสมรวมเศษใจแห่งศุภรชิ้นที่สามบนดาราแห่งกาลเวลาสำเร็จแล้ว ประสิทธิผลในการลดเวลาของโลกาศุภร ณ ปัจจุบันบรรลุถึง 20 เท่าแล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ใช้เลย
หลัวซิวไม่ได้ใช้ผังค่ายเพลามาฝึกตนแต่อย่างใด เนื่องจากท่าทีในการฝึกตนของเขานั้นยิ่งใหญ่มากเกินไปจริง ๆ ถ้าเกิดผลการฝึกตนบรรลุและดึงดูดทัณฑ์สายฟ้าพิโรธอะไรมาอีกละก็ เช่นนั้นก็จะก่อให้เกิดเรื่องที่วุ่นวายมากกว่าได้
เขานำจิตใจและกำลังทั้งหมดจดจ่ออยู่กับการตระหนักรู้ด้านกฎ ร่างเนื้อของร่างแท้ยังคงฝึกกฎความตายเป็นหลักอยู่เช่นเคย ส่วนร่างกลวัฏสงสารทั้งสองนั้นหลบซ่อนตัวอยู่ภายในตัวหยั่งรู้ โดยต่างตระหนักรู้ในกฎเวลาและปริภูมิแตกต่างกัน
วันนี้จู่ ๆ หลัวซิวก็ลืมตาขึ้นมา เนื่องจากเมื่อครู่นี้เขาสัมผัสได้ว่าเรืออนัตตาได้หยุดลงแล้ว
และเวลานี้เอง ก็มีเสียงที่ชัดแจ๋วดังก้องอยู่ภายในห้องโถงใหญ่ “สหายทุกท่านที่อยู่บนเรืออนัตตา เราค้นพบดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ที่ยังไม่เคยผ่านการบุกเบิกหนึ่งดวง อ้างอิงจากการสำรวจ บนดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ดวงนี้มีอสูรกายอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกันก็มีโอกาส วัตถุดิบในการหลอมอาวุธ ยาเซียนในการกลั่นยาและมีพร้อมครบทุกสิ่งเท่าที่ควรจะมีเป็นจำนวนมากเช่นกัน”
“เนื่องจากความเร็วในการเคลื่อนที่ในอนัตตาจักรวาลของดาวเคราะห์ดวงนี้ค่อนข้างเร็ว ดังนั้นการที่จะทำให้มันหยุดนิ่งนั้น เรืออนัตตาก็จะสูญเสียกำลังอย่างมากเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ดอกผลที่สหายทุกท่านได้รับมาจากดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ดวงนี้ ล้วนต้องส่งหนึ่งในสามของจำนวนทั้งหมดให้แก่ทางเรืออนัตตา”
การปรากฏของเสียงดังกล่าวทำให้นักยุทธ์จำนวนมากในห้องโถงใหญ่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวขึ้นมาในทันที เผยให้เห็นรังสีแห่งความตื่นเต้นดีใจบนใบหน้าของคนจำนวนมาก
ดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ที่กล่าวถึงนั้น ก็คือดาราชีวีที่ถูกหล่อเลี้ยงขึ้นมาจากกฎฟ้าดินในจักรวาล แต่ไม่ใช่โลกาดาราที่วิวัฒนาการขึ้นมาจากการอาศัยกมลโลกาครั้นเมื่อเหล่าผู้แข็งแกร่งดับสลายสูญสิ้น
พื้นที่ในจักรวาลกว้างใหญ่ไพศาลมากเพียงใด จากการเวลาที่ผ่านพ้นมายาวนานอย่างไม่รู้จบ ปริมาณของดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ที่ยังคงอยู่นั้นมีเยอะมาก ๆ แม้จะถูกค้นพบไม่น้อยแล้ว ทว่าก็ยังมีดาวเคราะห์จำนวนมากที่ยังไม่เคยถูกบุกเบิก
ดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ที่ยังไม่เคยถูกบุกเบิก ต้องมีทรัพย์สินดุจมหานทีที่ยากที่จะจินตนาการได้แฝงซ่อนอยู่แน่นอน ซึ่งนี่ล้วนเป็นโอกาสที่น่าให้ความสำคัญต่อทุกคนในโลกยุทธ์
ในอดีตก็เคยมีการเล่าต่อกันว่าเรืออนัตตาที่ไปมาหาสู่ระหว่างทั้งสองโลกา ค้นพบดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ที่ยังไม่เคยถูกบุกเบิกในจักรวาลอนัตตา เล่ากันว่าผู้ที่นั่งเรืออนัตตาลำนั้นต่างได้รับดอกผลมาไม่น้อยเลย
ฉะนั้นทุกคนจึงพากันลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ไปรวมตัวกันที่ชั้นดาดฟ้าของเรืออนัตตา