“จักรวาลกว้างใหญ่ ผู้ที่มีความสามารถแปลกประหลาดก็มีมากจนนับไม่ถ้วน……”เสียงของตัวมรณาดังขึ้นมาในตัวหยั่งรู้ “ผู้สืบทอดตัวน้อย เส้นทางที่เจ้าต้องเดินนั้นยังอีกยาวไกลมาก”
สำหรับการจัดแจงของทางเรืออนัตตา ทุกคนที่อยู่บนเรือล้วนจนปัญญามาก ๆ แม้แต่เหล่าลูกค้าที่ถือป้ายบัญชาการขึ้นเรือสีทองสีเงินก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไรเช่นกัน เห็นได้ชัดเจนเลยว่าต่างก็เข้าใจความแข็งแกร่งของกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังเรืออนัตตา
ผนึกแหวนเก็บของของทุกคน จากนั้นค่อยแจกแหวนเก็บของที่สั่งทำขึ้นมาพิเศษให้ทุกคนคนละวง วิธีการเช่นนี้พูดได้เลยว่าอำมหิต
ชายวัยกลางคนชุดม่วงไม่ได้พูดอะไรมาก ยกมือขึ้นมาโบกหนึ่งครั้ง เกราะคุ้มกันที่อยู่นอกเรืออนัตตาจึงค่อย ๆ เปิดออก นักยุทธ์จำนวนมากที่อดใจรอไม่ไหวตั้งนานแล้วต่างพากันใช้วิชากลไกทะยานขึ้นฟ้า
ต้องท้าวความก่อนว่ามาตรแม้นว่าต้องนำหนึ่งในสามของสมบัติที่ได้รับมามอบให้แก่เรืออนัตตา ทรัพย์สินบนดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ดวงหนึ่งก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถประมาณการได้เช่นกัน ขอแค่เพียงสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้ ก็ต้องได้รับดอกผลที่ไม่น้อยอย่างแน่นอน
อย่างไรเสียการที่เหล่านักยุทธ์อยู่บนเรือใช้เงินออมทั้งหมดในมือเพื่อมุ่งหน้าไปยังมหาโลกายอดอัมพรนั้น ต่างก็เพื่อให้ตนได้รับสภาพแวดล้อมในการฝึกตนที่ดีเยี่ยมมากกว่า รวมไปถึงทรัพยากรการฝึกตนที่หลากหลายมากกว่าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และยังสามารถทำให้ตัวเองเข้าใกล้โอกาสและโชคมากขึ้นอีกก้าว
และทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนมีโอกาสพบเจอบนดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์
“ดูฝั่งนั้นสิ!”
ทันใดนั้นเอง ก็มีคนอุทานอย่างตะลึง หลัวซิวก็มองไปตามเสียงเช่นกัน มีเรืออนัตตาขนาดใหญ่อีกลำหนึ่งกำลังบินตรงมาจากที่ไกล ๆ น่าจะเป็นเรือที่เดินทางผ่านทางนี้เช่นกัน และค้นพบดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ที่เคลื่อนไหวตรงหน้านี้
“นั่นมันสรรพหมายเลข 6 นี่”มีคนจำความเป็นมาของเรืออนัตตาลำนั้นได้
สรรพหมายเลข 6 ที่กล่าวถึง คำว่าสรรพในนั้นหมายถึงสรรพมหาโลกา ส่วนหมายเลข 6 นั้นคือลำดับของเรืออนัตตาลำนี้
เรืออนัตตาของสรรพมหาโลกาที่ไปมาหาสู่ระหว่างโลกาต่าง ๆ ไม่มีทางมีเพียงลำเดียวเท่านั้น ในส่วนของเรืออนัตตาที่พวกหลัวซิวนั่งมานั้นคือยอดอัมพรหมายเลข 3
เรืออนัตตาทั้งสองลำเจรจาหารือร่วมกัน จากนั้นเกราะคุ้มกันของสรรพหมายเลข 6 ก็เปิดออกเช่นกัน ก่อนจะมีนักยุทธ์จำนวนมากเบียดเสียดกันออกมา
เมื่อรวมจำนวนนักยุทธ์บนเรืออนัตตาทั้งสองลำเข้าด้วยกันแล้ว ก็มีนักยุทธ์เป็นแสนคนเลย
คนนับแสนบินตรงไปอย่างถี่ยิบ ทว่าหลังจากที่ประชิดใกล้ดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ดวงนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนคนนับแสนและปริมาตรที่ใหญ่โตมโหฬารของดาวเคราะห์นั่นแล้ว จำนวนนักยุทธ์ก็น้อยนิดมากจนไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึงด้วยซ้ำ เล็กน้อยมากจนแทบจะสามารถมองข้ามได้
“โฮกก!”
ห้วงดาราบริเวณดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ ก็ถูกยึดครองโดยอสูรกายที่ศักยภาพแข็งแกร่งเช่นกัน ปลากระบี่บินจำนวนมากมายมหาศาลกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันแล้วบินออกไป
ครั้นเมื่ออยู่ในห้วงดารานอกโลกะดาราอัมพรเทว หลัวซิวก็เคยประสบพบเจอกับกลุ่มปลากระบี่บินเช่นกัน เขา ณ เวลานั้นปลีกตัวหนีทันที ยิ่งกว่านั้นคือผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพอย่างหยูจือโจวที่ได้รับบาดเจ็บ ณ ตอนนั้นก็ไม่กล้าต่อสู้กับกลุ่มปลากระบี่บินโดยตรงเช่นกัน
ความเร็วในการเคลื่อนที่ของปลากระบี่บินรวดเร็วมาก ๆ ร่างกายสภาวะขณะโจมตีคล้ายกระบี่บิน พร้อมกับส่งเสียงคำรามดั่งทะลวงฟ้า
ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว กองทัพนักยุทธ์มนุษย์แสนกว่าคนก็พุ่งชนเข้ากับกลุ่มปลากระบี่บิน ปะทะกันอย่างดุเดือด
ร่างกายของปลากระบี่บินมีแสงเงินกระพริบระยิบระยับ พลังอมตะต่าง ๆ ที่นักยุทธ์มนุษย์ปลดปล่อยออกไป รวมไปถึงรัศมีเทวอันงดงามที่แย้มบานออกมาจากของคลังอาวุธสงครามทำให้เจิดจ้าไปทั่วทั้งห้วงดารา เสมือนปล่อยพลุดอกไม้ไฟยังไงอย่างนั้น
ทันใดนั้นเอง ลมปราณดุร้ายสูงเทียมฟ้าที่เกะกะระรานถึงขีดสุดก็พรั่งพรูออกมาพร้อมกับเสียงคำราม จู่ ๆ อุกกาบาตขนาดใหญ่หนึ่งลูกที่อยู่ละแวกดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ก็เริ่มเคลื่อนที่ ไม่นึกเลยว่านั่นจะเป็นอสูรกายขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรมหึมาตัวหนึ่ง
ร่างกายของอสูรกายตัวนี้คล้ายทรงกลม บนตัวมันเต็มไปด้วยหนวดสัตว์น้ำ หนวดทุกเส้นยาวเป็นพันไมล์ กลางร่างกายที่เหมือนดั่งอุกกาบาตแยกออก ก่อนจะเผยให้เห็นปากขนาดใหญ่หนึ่งใบ ฟันอันแหลมคมที่อยู่ภายในดูดุร้ายน่ากลัว ความสูงของฟันหนึ่งซี่ก็สามารถเทียบทัดกับเหล่ายอดเขาสูงเทียมเมฆที่หลัวซิวเคยพบเห็นแล้ว