สามารถพูดอย่างไม่ลังเลใจได้เลยว่าหากอสูรดูดจิตสามารถเติบโตถึงแดนมกุฎเทพ ต่อให้เพิ่งบรรลุสู่ระดับมกุฎเทพ มันก็สามารถกวาดล้างโลกามนุษย์ได้อย่างง่ายดาย สามารถกลืนกินเหล่ามกุฎเทพในธาตุดาราอัมพรเทวและธาตุดาราคุนหลุนได้อย่างสิ้นซาก
ความสามารถแข็งแกร่ง ศักยภาพไร้ขอบเขต ทว่าปัญหาใหญ่ที่จำกัดการเจริญเติบโตของอสูรดูดจิตก็คือบรรลุช้าเกินไป เหมือนดั่งอสูรดูดจิตตัวนี้ของหลัวซิวที่กลืนกินช่องจิตระดับราชาเทพด้วยแดนเทพฟ้าไปเป็นจำนวนมาก จนสุดท้ายก็ยังกลืนกินช่องจิตระดับมกุฎเทพหนึ่งดวงถึงจะบรรลุสู่ระดับราชาเทพสำเร็จ
“โครม!”
และในเวลานี้เอง ก็มีรัศมีเทวสองลำสาดส่องออกมาจากเรืออนัตตาทั้งสองลำ ด้านบนของเรืออนัตตามีป้อมปืนที่เป็นประกายระยิบระยับปรากฏหนึ่งป้อม แหล่งพลังงานที่มากมายมหาศาลอย่างไร้ขอบเขตรวมตัวกันที่ป้อมปืน
ซึ่งนี่คืออาวุธเสริมบนเรืออนัตตา เป็นของขลังพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยการร่วมมือกันจากปรมาจารย์หลอมอาวุธและปรมาจารย์ค่ายกลจำนวนมาก มีนามว่าอนัตตาแหลกราน
หลังจากอสูรกลืนดาราปรากฏแล้ว มันก็รีบกระโจนไปทางเรืออนัตตาทั้งสองลำอย่างฉับพลัน ทันทีที่ถูกมันประชิดใกล้ หนวดที่ยาวเป็นพันไมล์ของมันก็จะสามารถพันธนาการเรืออนัตตาเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย จากนั้นเรืออนัตตาก็จะถูกบีบรัดจนกลายเป็นฝุ่นผงภายใต้พลังที่เกะกะระราน
แตกต่างจากอสูรดูดจิตของหลัวซิว ไม่รู้ว่าอสูรกลืนดาราตัวนี้มีชีวิตยาวนานมามากเท่าไหร่แล้ว ปริมาตรของมันใหญ่โตมหึมามากจนไม่อาจจินตนาการได้ เป็นการคงอยู่ที่น่าสยดสยองยิ่งกว่าระดับมกุฎเทพอย่างแน่นอน
การต่อสู้ในระดับนี้ หลัวซิวไม่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นจึงทำได้เพียงหลบหลีกออกไปไกล ๆ เข้าไปเข่นฆ่าปลากระบี่บินที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับคนอื่น ๆ
หนิงหานยู่และฉียู่หรงคอยติดตามอยู่ข้างกายเขาโดยไม่แยกจากไปที่ใด หลัวซิวเรียกราชาแห่งศัสตราวุธชั้นกลางออกมาหนึ่งชิ้นโดยไม่คิดอะไรมาก ขอเพียงปลากระบี่บินเข้าใกล้รอบกายตัวเอง พวกมันก็จะถูกเขาฆ่าอย่างง่ายดาย
แม้จำนวนของกลุ่มปลากระบี่บินจะมีมากมายมหาศาล ทว่ามันกลับต้านทานนักยุทธ์จำนวนมากฝั่งนี้ไม่ไหว อีกทั้งในจำนวนนักยุทธ์ทั้งหมดยังมีผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเทพหลายคนด้วย
ผ่านไปไม่นานนัก กลุ่มปลากระบี่บินก็ถูกฆ่าจนแตกกระจายพ่ายแพ้ยับเยิน ฝั่งนักยุทธ์สูญเสียคนไปไม่มากแต่อย่างใด
หลังจากโจมตีกลุ่มปลากระบี่บินจนแตกกระจายแล้ว ทุกคนก็เร่งความเร็วบินตรงไปยังดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ เนื่องจากทุกคนล้วนเข้าใจดีมาก ๆ ว่าพวกเขามีเวลาเพียงสามวันเท่านั้น หลังจากผ่านไปสามวัน พลังของเรืออนัตตาก็จะประคองต่อไปไม่ไหว จำเป็นต้องเลือกที่จะจากไปจากที่นี่
ทันทีที่พลัดจากกับเรืออนัตตา การที่จะหาทางออกออกจากห้วงดาราที่ไร้ทิศทางใด ๆ นี้ เป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
สำหรับเรื่องการแก่งแย่งทรัพยากรสมบัติประเภทนี้ หลัวซิวก็พุ่งตรงไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุดอยู่แล้ว ปลดปล่อยตัวสำนึกออกมาอย่างไม่ออมมือ ปีกเทพไร้มลทิทะลุฟ้าผสมรวมกับกฎความเร็วและปริภูมิ แทบจะร่วงลงบนดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์พร้อมกับเหล่าผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพ
ไม่นานนัก ตัวสำนึกของหลัวซิวก็ผนึกไปที่ต้นไม้ที่มีสีแดงกระพริบระยิบระยับต้นหนึ่ง นี่คือต้นไม้เล็ก ๆ ที่มีความสูงประมาณสี่ฟุตกว่าต้นหนึ่ง ใบไม้ทุกใบบนต้นไม้สว่างใสแจ๋ว เหมือนดังอัญมณีสีแดงสด ด้านบนมีลายเส้นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความลึกลับและมหัศจรรย์
ปีกเทพไร้มลทิทะลุฟ้าสั่นเทิ้ม ภายในเวลาไม่กี่ลมหายใจ หลัวซิวก็พาหนิงหานยู่และฉียู่หรงหญิงสาวทั้งสองไปถึงตำแหน่งที่ต้นไม้เล็กต้นนั้นเจริญเติบโต หลังจากมองเห็นสภาพของต้นไม้ขนาดเล็กนี้แล้ว หญิงสาวทั้งสองต่างก็แสดงสีหน้าตะลึงเช่นกัน
“พระเจ้า อย่าบอกนะว่านี่คือต้นเทวหยกโลหิต?”หนิงหานยู่อ้าปากกว้าง ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความตะลึงและความช็อก
ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบในการหลอมอาวุธ ยาเซียนหรือว่าเม็ดยาเซียน เมื่ออยู่เหนือระดับ 9 แล้ว ก็จะกลายเป็นระดับเจ้ายุทธจักร และระดับจักรพรรดิ
หากพูดให้แม่นยำละก็ ต้นเทวหยกโลหิตไม่ใช่ยาเซียนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นหินหยกกายสิทธิ์ต้นหนึ่ง!
จากเรื่องเล่าในตำนาน ด้านบนของใบไม้ต้นเทวหยกโลหิตมีลายเส้นฟ้าดินดั้งเดิมสลักไว้ เมื่อนักยุทธ์ศึกษาเรียนรู้ลายเส้นพรสวรรค์ที่อยู่ด้านบน ก็จะมีโอกาสเข้าสู่สภาวะตระหนักรู้ได้ในทันทีสูงมาก ๆ