ในส่วนของหญิงสาวทั้งสองคนที่อยู่ข้างกายหลัวซิวนั้น ผู้ดูแลชุดคลุมยาวเงินไม่ได้เอามาไว้ในสายตาเลย
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของผู้ดูแลชุดคลุมยาวเงิน หลัวซิวยังคงสุขุมเรียบนิ่งอยู่เช่นเคย ปลดปล่อยอาณาจักรกฎปริภูมิออกไปภายในพริบตา ลมหมุนปริภูมิที่ม้วนซัดมายังไม่ทันได้ประชิดใกล้ ก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
“กฎปริภูมิ?”
ผู้ดูแลชุดคลุมยาวเงินรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา เขาใช้ของขลังกระตุ้นกฎปริภูมิได้อย่างราบรื่นมาโดยตลอด แต่กลับนึกไม่ถึงว่าวันนี้จะได้พบเจอยอดฝีมือที่ยึดกุมกฎปริภูมิคนหนึ่ง ท่าไม้ตายหนึ่งของตัวเองถูกทำให้ไร้ประโยชน์ไปโดยตรง
“เจ้าเป็นผู้ลงมือต่อข้าก่อน”
จู่ ๆ ก็มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหลัวซิว ถัดจากนั้นเขาก็ก้าวเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เงาร่างดุจสายฟ้า ปรากฏตรงหน้าผู้ดูแลชุดคลุมยาวเงินในทันที
ณ เสี้ยววินาทีนี้ ผู้ดูแลชุดคลุมยาวเงินรู้สึกว่าการเคลื่อนที่ของเวลาบริเวณรอบ ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย ทุกกิริยาท่าทางของเขาเหมือนถูกทำให้ช้าลงสิบเท่ายังไงอย่างนั้น ความรู้สึกท่ีเชื่องช้าและกิริยาท่าทางที่ช้าลงนั้นทำให้เขาตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก สภาพจิตใจอลเวงไปหมด
“กฎ……กฎเวลา?”ผู้ดูแลชุดคลุมยาวเงินอุทานอย่างตะลึง ผู้ที่ฝึกกฎชั้นยอดนั้นก็หาพบได้ยากมาก ๆ แล้ว คนดังกล่าวกลับฝึกกฎสองประเภทพร้อมกันอย่างนั้นหรือ หนึ่งในนั้นยิ่งมีกฎเวลาที่เลื่องลือในเรื่องฝึกยากที่สุดด้วย?
“ฉึก!”
ผู้ดูแลชุดคลุมยาวเงินกัดลิ้นตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยวมาก ๆ พ้นพลังและเลือดออกมาจากปากด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ภายใต้การแผดเผาพลังและเลือด พลังออร่าบนร่างกายเขาจึงพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงกับหลุดพ้นจากผลกระทบของกฎลดเวลาได้ภายในชั่วลมหายใจเดียว
ชัวะ!
หลังจากหลุดพ้นจากกฎเวลาแล้ว ผู้ดูแลชุดคลุมยาวเงินก็ถอยหลังกลับไปอย่างบ้าคลั่ง หอกมังกรสีดำเล่มหนึ่งทะลวงไป จนเกิดเป็นเสียงระเบิดดังลั่น แต่ทว่าสิ่งที่แตกสลายกลับเป็นเพียงเศษเงาร่างเดียวเท่านั้น
“หลบหลีกไปได้หรือ?”หลัวซิวหรี่ตาลง “ข้าก็อยากทราบเช่นกันว่าเจ้าจะมีพลังและเลือดให้แผดเผามากเท่าไหร่กันเชียว”
พลังและเลือดของนักยุทธ์เป็นปริมาณที่คงที่ตลอดไป หรือนั่นก็หมายความว่าไม่ว่าจะเป็นนักยุทธ์ในแดนสูงหรือต่ำ หรือผู้แข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ดั่งระดับจักรพรรดิเทพ ปริมาณพลังและเลือดก็เป็นตัวเลขที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ทว่าผลการฝึกตนยิ่งแข็งแกร่ง พลังที่แฝงซ่อนอยู่ในพลังและเลือดก็จะยิ่งทรงพลังมาก ซึ่งในจำนวนนักยุทธ์ทั้งหมด พลังที่แฝงซ่อนอยู่ในพลังและเลือดของนักยุทธ์กลั่นร่างจะมีมากที่สุด
พลังและเลือดสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับชีวีดั้งเดิมอย่างมาก ทันทีที่แผดเผาก็เท่ากับสิ้นเปลืองชีวีดั้งเดิมของตน หรือว่าลดทอนอายุไขของตัวเองนั่นเอง
ทันทีที่สูญเสียพลังและเลือดไป ก็จะฝึกตนให้กลับคืนมาใหม่ได้ยากมาก จำเป็นต้องมีโอกาสที่พิเศษและสมุนไพรเพิ่มพลังต่าง ๆ
มีเพียงคนประเภทเดียวเท่านั้นที่สามารถฟื้นฟูพลังและเลือดที่สูญเสียไปได้ค่อนข้างสบาย นั่นก็คือนักยุทธ์ที่ฝึกกฎชีวิต
ยกตัวอย่างเช่นหลัวซิว จากกฎชีวิตดั้งเดิมขั้น 5 ของเขา สามารถแผดเผาพลังและเลือดครึ่งหนึ่งของร่างกายตนเองได้โดยไม่ต้องกังวลใด ๆ จากนั้นเขาแค่ต้องตั้งใจฝึกตนระยะหนึ่งก็สามารถฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพปกติได้แล้ว แต่ทว่าหากปริมาณพลังและเลือดที่แผดเผาไปมีมากกว่าครึ่ง เช่นนั้นมาตรแม้นว่าเป็นเขาเองก็ฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพปกติได้ยากมาก ๆ
มีเพียงกฎชีวิตบรรลุถึงแดนขั้น 10 ถึงจะสามารถแผดเผาพลังและเลือดได้โดยไม่ต้องกังวลใด ๆ เมื่อผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพคนหนึ่งแผดเผาพลังและเลือดทั้งร่างจนร้อนระอุ ศักยภาพที่ระเบิดออกมาจะน่าสยดสยองมากถึงขั้นที่ไม่อาจจินตนาการได้
เพี๊ยะ!
เงาร่างของหลัวซิวหายวับไป ถัดจากนั้นก็ปรากฏอยู่ด้านหลังผู้ดูแลชุดคลุมยาวเงินอีกครั้ง ประสิทธิผลของปริภูมิพันธนาการและลดเวลาเกิดขึ้นพร้อมกัน
วิกฤตการณ์แห่งความเป็นความตายทำให้ผู้ดูแลชุดคลุมยาวเงินพ้นพลังและเลือดออกมาอีกครั้งอย่างไม่ลังเลใจ ใบหน้าขาวซีดมากกว่าเดิมหลายเท่า
แต่ทว่าครั้งนี้ผู้ดูแลชุดคลุมยาวเงินไม่ได้หลบหลีกการโจมตีของหลัวซิวโดยสิ้นเชิง เดิมทีเขาหลุดพ้นจากการพันธนาการและการควบคุมของกฎเวลาแล้ว ทั้ง ๆ ที่ถอยหลังกลับไปไกลมาก ๆ แล้ว แต่หอกยุทธ์ของฝ่ายตรงข้ามกลับหายวับไปกะทันหัน ก้าวข้ามผ่านการขวางกั้นของปริภูมิและทะลวงหน้าอกของเขาในทันที