ดูจากข่าวกรองที่อาคารพาณิชย์แห่งนี้เสนอมา สำนักเซียนเทียนหยุนเป็นหนึ่งในกองกำลังระดับจ้าวมหาเทพในมหาโลกายอดอัมพร
เนื่องจากมหาโลกายอดอัมพรกว้างใหญ่มากเกินไปจริง ๆ ภายใต้การตกตะกอนและการสะสมจากกาลเวลาที่ยาวนาน จำนวนผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพก็มีไม่น้อยเลย
ในบรรดากองกำลังระดับจ้าวมหาเทพทั้งหลาย สำนักเซียนเทียนหยุนจัดเป็นอันดับหนึ่งในสามได้ แค่ภายนอกก็มีผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพสามคนคอยปกปักรักษาแล้ว ในจำนวนเรืออนัตตาที่ไป ๆ มา ๆ อยู่ในโลกาพิภพต่าง ๆ ก็มีสามลำที่เป็นกิจการของสำนักเซียนเทียนหยุน
และสิ่งที่หลัวซิวให้ความสนใจมากที่สุดก็คือข่าวกรองสีแดงเพียงเรื่องเดียวที่ทางอาคารพาณิชย์แห่งนี้ขาย ยังเป็นข่าวกรองที่มีความเกี่ยวข้องกับหลิวเซี่ยหานด้วย
เดิมทีหลิวเซี่ยหานคือศิษย์เจ้าอาจารย์ของสำนักเซียนเทียนหยุน เป็นผู้ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงโด่งดังในมหาโลกายอดอัมพร บรรลุสู่แดนมกุฎเทพเมื่อไม่นานมานี้ กลายเป็นเจ้าสำนักน้อยของสำนักเซียนเทียนหยุน
ส่วนเนื้อหาของข่าวกรองสีแดงนั้นคือหลิวเซี่ยหานรับลูกศิษย์คนหนึ่ง มีนามว่าหงเฟย ข่าวลือเล่ากันว่านางมีพรสวรรค์ด้านกฎเพลิงอัคคีสูงมาก ๆ ช่วงนี้เนื่องจากมีศิษย์คนหนึ่งในหอยอดอัมพรตกหลุมรักหงเฟย ด้วยเหตุนี้ระหว่างหอยอดอัมพรและสำนักเซียนเทียนหยุนจึงมีโอกาสเกี่ยวดองกันสูงมาก
ไม่ว่าจะเกี่ยวกับสำนักเซียนเทียนหยุนหรือหลิวเซี่ยหาน ล้วนไม่มีข่าวคราวที่เกี่ยวข้องกับพวกเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่
หลัวซิวเข้าใจดีมาก ๆ ว่าการที่เขาเสาะหาข่าวของสำนักเซียนเทียนหยุนที่นี่นั้น ในความเป็นจริงมันถือเป็นการเปิดเผยตนเองแล้ว เนื่องจากอาคารพาณิชย์แห่งนี้อาจจะนำเรื่องที่มีคนเสาะหาข่าวของสำนักเซียนเทียนหยุน แจ้งให้ผู้คนในสำนักเซียนเทียนหยุนทราบก็เป็นได้
เพราะฉะนั้นหลัวซิวจึงไม่ได้เสาะหาข่าวที่เกี่ยวข้องกับเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ มิเช่นนั้นละก็จะเท่ากับการบอกกับหลิวเซี่ยหานว่าเขาหลัวซิวมาถึงมหาโลกายอดอัมพรแล้ว
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง ยึดตามเวลาที่ต่างฝ่ายต่างนัดหมายกันไว้ หลัวซิวย้อนกลับไปยังโรงเตี๊ยม ฉียู่หรงและหนิงหานยู่ก็กลับมาแล้วเช่นกัน
ความสามารถในการสืบเสาะข่าวคราวของหนิงหานยู่ไม่ได้ทำให้หลัวซิวรู้สึกผิดหวังจริง ๆ ทันทีที่พบหน้ากัน นางก็บอกเรื่องที่มีมูลค่าสูงมาก ๆ เรื่องหนึ่งออกมาอย่างอดใจรอไม่ไหว
“แดนเทวนิรันกาล?”ใบหน้าของหลัวซิวเปี่ยมล้นไปด้วยความสงสัย
เมื่อเห็นสีหน้าของหลัวซิว หนิงหานยู่จึงยืดอกอย่างภาคภูมิใจในตัวเองมาก ๆ แววตานั่นราวกับกำลังพูดว่าเห็นหรือยัง ข่าวคราวที่ข้าสืบเสาะมาได้แม้แต่ท่านยังไม่เคยได้ยินมาก่อน
หลัวซิวหลุดหัวเราะออกมา “เจ้าเก่งมาก พอใจหรือยัง รีบเล่าเรื่องของแดนเทวนิรันกาลสักทีเถอะว่ามันเป็นอะไรยังไงกันแน่”
“เล่ากันว่าแดนเทวนิรันกาลคืออนัตตาที่พิเศษแห่งหนึ่ง ซึ่งอนัตตาดังกล่าวไม่ถือเป็นของโลกาใดโลกาหนึ่งในมหาโลกาพันสาม ยิ่งกว่านั้นคือทุกครั้งตำแหน่งที่แดนเทวนิรันกาลปรากฏล้วนแตกต่างกัน ทว่าขอเพียงแดนเทวนิรันกาลปรากฏ ก็จะทำให้ทุกกองกำลังในมหาโลกาพันสามบ้าคลั่งอย่างแน่นอน”
“แดนเทวนิรันกาลมีสามสมบัติ หนึ่งดอกหนึ่งหินหนึ่งกระบี่ หนึ่งดอกนั้นหมายถึงธรรมถานฮวาหนึ่งหินนั้นหมายถึงหินนิรันดร์ ส่วนหนึ่งกระบี่นั้นหมายถึงกระบี่ตรีภพ”
เมื่อฟังทั้งหมดที่หนิงหานยู่เล่ามา หลัวซิวจึงขมวดคิ้วลงเล็กน้อย เนื่องจากของทั้งสามสิ่งนี้ เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ทว่าเมื่อดูจากชื่อแล้ว ของทั้งสามสิ่งนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
“ทั้งสามอย่างนี้เป็นมหาภัณฑ์วิเศษเชียวนะ”
ในขณะที่หลัวซิวกำลังรู้สึกสงสัยอยู่นั้น เสียงของตัวมรณาก็ปรากฏในตัวหยั่งรู้
“เจ้ารู้จักหรือ?”หลัวซิวถามในทันที
“ข้าต้องรู้จักอยู่แล้วสิ ข้าแนะนำให้เจ้าไปแดนเทวนิรันกาลนี่สักเที่ยว หากมีความเป็นไปได้ จักดีที่สุดหากสามารถได้ครอบครองของทั้งสามสิ่งนั้น”ตัวมรณากล่าวเช่นนี้
หลัวซิวไต่ถามว่าสมบัติทั้งสามชิ้นนี้มันคืออะไรกันแน่ ทว่าตัวมรณากลับไม่ตอบกลับ
ในความเป็นจริงหนิงหานยู่สามารถเสาะหาข่าวที่เกี่ยวข้องกับแดนเทวนิรันกาลได้อยู่ และเป็นเพราะชื่อเสียงของแดนเทวนิรันกาลที่อยู่ในมหาโลกาพันสามนั้นโด่งดังมากเกินไป นางจึงเสาะหารายละเอียดข่าวกรองที่เกี่ยวข้องกับแดนเทวนิรันกาลไม่ได้ เนื่องจากข่าวกรองในทำนองนี้ล้วนยึดกุมอยู่ในมือกองกำลังใหญ่
หลัวซิวสลักวาดม้วนหยกหนึ่งชิ้น ภายในม้วนหยกได้พรรณนารูปร่างหน้าตาของเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่เอาไว้