ตั้งแต่ที่นั่งเรืออนัตตามาถึงมหาโลกายอดอัมพรเป็นต้นมา สิ่งแรกที่หลัวซิวทำก็คือสืบเสาะข่าวกรองและข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสำนักเซียนเทียนหยุนและหลิวเซี่ยหาน
ครั้นเมื่ออยู่ในจินเฮ่าซิง เขาทำการซื้อข่าวกรองระดับสีแดงข่าวหนึ่งในอาคารพาณิชย์ ซึ่งภายในได้กล่าวถึงสตรีผู้มีนามว่าหงเฟยคนหนึ่ง
เล่ากันว่าหงเฟยนั่นคือศิษย์ของหลิวเซี่ยหาน มีพรสวรรค์ด้านการฝึกกฎเพลิงอัคคีที่สูงมาก ๆ เป็นบุคคลผู้โดดเด่นในหมู่คนรุ่นใหม่
หลิวเซี่ยหาน ผู้คนเรียกนางว่าเทพธิดาหาน หลังจากบรรลุถึงมกุฎเทพ ปัจจุบันนางก็เป็นเจ้าสำนักน้อยของสำนักเซียนเทียนหยุนแล้ว การที่สามารถกลายเป็นลูกศิษย์ของนางได้นั้น ต้องเป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่ที่นับไม่ถ้วนใฝ่ฝันหาแม้แต่ในยามนอนหลับแน่นอน
แต่หลัวซิวนึกอย่างไรก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าหงเฟยคือเหยียนเยว่เอ๋อร์อย่างนั้นหรือ
เขามองเห็นความเคว้งคว้างเล็กน้อยนั่นจากดวงตาของเหยียนเยว่เอ๋อร์ หลัวซิวอยากเปลี่ยนเป็นรูปร่างลักษณะของร่างแท้มาก ๆ แต่กลับอดกลั้นไว้ได้
“หงเฟย?”
ชายหนุ่มชุดแพรคนนั้นพบว่าหงเฟยสติล่องลอย นี่จึงทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจ
เขามองไปตามทิศทางที่หงเฟยมองไป และพบเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง นี่จึงทำให้ชายหนุ่มชุดแพรรู้สึกไม่พอใจมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากหงเฟยสติล่องลอยขณะตนเองพูดคุยกับนางก็แล้วไป แต่จุดสนใจของนางกลับร่วงลงบนตัวผู้ชายคนอื่นอย่างนั้นหรือ?
“หงเฟย เจ้ารู้จักเขาหรือ?”ชายหนุ่มชุดแพรถามหนึ่งคำ
“ไม่รู้จัก”
หงเฟยส่าหน้า ดวงตาที่เคว้งคว้างกลับมาเย็นชาอีกครั้ง ยิ่งกว่านั้นคือแม้แต่นางเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันเหตุใดเมื่อครู่ตนถึงรู้สึกเคว้งคว้าง ราวกับว่าบนตัวของชายเมื่อครู่นี้ทำให้ตัวเองรู้สึกคุ้นเคยมาก ๆ ยังไงอย่างนั้น แต่ตัวเองกลับไม่มีความทรงจำและภาพจำใด ๆ เลย
ชายหนุ่มชุดแพรหัวเราะเบา ๆ “ก็จริง เป็นเพียงมดตัวจ้อยแดนเทพฟ้าคนหนึ่งเท่านั้น จักมีสิทธิ์รู้จักกับหงเฟยเจ้าได้อย่างไรเล่า?”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ชายหนุ่มชุดแพรก็มองไปทางฝั่งหลัวซิวรอบหนึ่ง มีความเยือกเย็นทะลุออกมาจากดวงตา พลังโจมตีตัวสำนึกไร้รูปที่เฉียบคมดุจกระบี่พลังหนึ่งทิ่มแทงไปทางตัวหยั่งรู้ของเขา
พลังโจมตีตัวสำนึกไร้รูปไร้สาร บวกกับการจงใจปิดบังของชายหนุ่มชุดแพร ดังนั้นนอกเหนือจากหลัวซิวที่เป็นคู่กรณีแล้ว ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นการกระทำทั้งหมดนี้ของชายหนุ่มชุดแพรเลย
สำหรับพลังโจมตีตัวสำนึกดังกล่าว หลัวซิวไม่ได้ไปต้านทาน ปล่อยให้มันโจมตีเข้ามาในตัวหยั่งรู้ แต่ทว่าภายใต้ตัวสำนึกที่กว้างใหญ่และทรงพลังของเขา พลังโจมตีตัวสำนึกนั่นก็จมหายไปในทันที ไม่ส่งผลกระทบใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
แต่ภาพภายนอกหลัวซิวกลับร้องเฮือกทีหนึ่ง สีหน้าขาวซีดลงไปในทันที ราวกับว่าตัวหยั่งรู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสยังไงอย่างนั้น
“หื้ม?”
ชายหนุ่มชุดแพรขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ภายใต้พลังโจมตีตัวสำนึกของเขา มดตัวจ้อยในแดนเทพฟ้าตัวหนึ่งกลับไม่ตายอย่างนั้นหรือ แค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น นี่จึงทำให้เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
แต่ทว่าสำหรับเขาแล้ว นี่ก็เป็นเพียงเหตุสุดวิสัยเท่านั้น เขาไม่ได้ทุ่มสุดกำลังสามารถต่อพลังโจมตีตัวสำนึกในเมื่อครู่นี้แต่อย่างใด ในส่วนของเรื่องการจะฆ่าหรือไม่ฆ่ามดตัวจ้อยนั่นนั้นมันไม่สำคัญ เนื่องจากเมื่อครู่เขาแค่ไม่ค่อยพอใจเท่านั้น
จ้องเขม็งทั้งสองคนที่เดินเข้าไปในงานประมูล หลัวซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มชุดแพรคนนั้นคือผู้ใด แต่ทว่าเขากลับสามารถคาดเดาได้ว่าการที่ฝ่ายตรงข้ามลงมือต่อตนเองนั้น ต้องเป็นเพราะเมื่อครู่เหยียนเยว่เอ๋อร์มองตัวเองรอบหนึ่งแน่นอน
จากประสบการณ์ชีวิตของหลัวซิว เขาก็ต้องดูออกเป็นธรรมดาอยู่แล้วว่าชายหนุ่มชุดแพรนั่นต้องเป็นคนที่ตามจีบเยว่เอ๋อร์แน่นอน นี่จึงทำให้ใบหน้าของเขาหม่นหมองลง
เหยียนเยว่เอ๋อร์คือภรรยาของเขา มีคนนอกตามจีบภรรยาของตัวเอง ง้างเลื่อยจะเลื่อยขาเก้าอี้ตน จากอุปนิสัยของหลัวซิวเขาจะอดทนได้อย่างไร?
“ศิษย์พี่ท่านนี้ขอรับ ผู้ที่เข้าไปเมื่อครู่นี้คือผู้ใดหรือ?”หลัวซิวถามนักยุทธ์รูปร่างลักษณะเป็นชายวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ