ซึ่งเซียวเฟยเข้าใจหลักการนี้ดีมาก ๆ แต่ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มคนบางส่วนที่ไม่ถูกเขาเอาไปไว้ในสายตา เขาจึงไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังความถือดีและความหยิ่งผยองนั่นของศิษย์ใจกลางของหอยอดอัมพรอยู่แล้ว
ดังนั้นเวลานี้ เซียวเฟยจึงเลือกที่จะอดกลั้นเอาไว้ ทว่าเรื่องนี้ไม่มีทางจบอย่างแน่นอน คอยงานประมูลจบลง เขาจะทำให้เจ้าหมอนั่นที่สมควรตายรู้สึกเสียใจทีหลังที่ได้เกิดมาในโลกใบนี้
“หงเฟยเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง อัคคีเทพพรสวรรค์ดวงนี้ ข้าจะช่วยเจ้าประมูลมันมาแน่นอน!”
ฝืนระงับไฟโกรธที่อยู่ในใจลงไป เซียวเฟยมองไปทางหงเฟยที่อยู่ข้างกายพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่คิดเองเออเองว่ามันสุภาพอ่อนโยนมาก
หงเฟยยังคงไม่พูดอะไรอีกเช่นเคย ดวงตาที่สว่างไสวดุจดวงดาวมีความเคว้งคว้างปนอยู่ สายตามองทะลุค่ายกลม่านแสงที่อยู่บริเวณรอบห้องที่นั่งพิเศษ จ้องเขม็งไปทางชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในซอกมุมห้องโถงใหญ่ข้างล่างตลอดเวลา
เซียวเฟยขมวดคิ้ว “คนดังกล่าวฆ่าศิษย์ในหอยอดอัมพรของข้า ใต้หล้านี้กว้างใหญ่ จักไม่มีผู้ใดสามารถช่วยมันได้”
และในเวลานี้เอง นักประมูลสาวก็ประกาศดำเนินการประมูลต่อ
“เมื่อครู่คุณชายเซียวเสนอประมูลอัคคีเทพเพลิงดาราดวงนี้ถึงเก้าล้านห้าแสนแล้ว ยังมีคนเสนอราคาที่สูงกว่านี้หรือไม่?”
นักประมูลสาวอมยิ้มตรงมุมปากอย่างสวยงามมาโดยตลอด ดวงตาประดุจน้ำในฤดูใบไม้ร่วง สายตาร่วงลงบนตัวหลัวซิว
ในมุมมองของนาง คนเดียวที่สามารถแข่งประมูลกับเซียวเฟยได้ คงมีเพียงคนเหิมเกริมเที่ยวทำสุ่มสี่สุ่มห้าที่ไม่ทราบความเป็นมาคนนี้แล้วล่ะ
และมันก็เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ทันทีที่สิ้นเสียงนักประมูลสาว ฝั่งหลัวซิวก็เอ่ยปากเสนอราคาใหม่
สิบล้าน!
ต้องท้าวความก่อนว่านี่ไม่ใช่แก้วเทวชั้นกลางนะ แต่เป็นแก้วเทวชั้นสูง!
แม้จะมีแก้วเทวชั้นกลางมากเพียงใด สำหรับผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพเป็นต้นไปแล้ว มันกลับไม่มีประโยชน์ใด ๆ ต่อในการฝึกตนเลย
โดยทั่วไปแล้ว การที่ผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิคนหนึ่งมีทรัพย์สินแก้วเทวชั้นสูงห้าล้านชิ้นนั้นก็ถือว่าถึงขีดสุดแล้ว มาตรแม้นว่าในบรรดาผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพช่วงกลาง การที่สามารถเอาแก้วเทวชั้นสูงสิบล้านชิ้นออกมาในทีเดียวได้นั้น ก็ล้วนเป็นบุคคลที่ล้ำค่าและหายากมาก
เซียวเฟยก็มีปัญญาเอาออกมาได้เช่นกัน ทว่านั่นเป็นเพราะเขาได้รับประโยชน์จากตัวตนศิษย์ใจกลางของหอยอดอัมพร แต่ตราบใดที่ผลการฝึกตนของเขายังบรรลุไม่ถึงแดนมกุฎเทพ การใช้แก้วเทวชั้นสูงครั้งละสิบล้านชิ้นนั้นมันถือเป็นขีดจำกัดแล้ว
“ไอ้ชาติชั่ว!”
เซียวเฟยกำหมัดแน่น เขาไม่สนใจแต่อย่างใดว่าอัคคีเทพพรสวรรค์ดวงนี้จะตกอยู่ในกำมือของผู้ใด สิ่งที่ทำให้เขาใส่ใจมากที่สุดคือภาพลักษณ์หน้าตาของตัวเอง!
ในส่วนของเรื่องที่ทำให้นักยุทธ์จำนวนมากในห้องโถงใหญ่งานประมูลตกตะลึงนั้น คือความเป็นมาของชายหนุ่มที่เป็นศัตรูกับศิษย์ใจกลางของหอยอดอัมพรอย่างเซียวเฟยคือผู้ใดกันแน่ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาเป็นเพียงนักยุทธ์ราชาเทพคนหนึ่ง ไม่นึกเลยว่าจะสามารถนำแก้วเทวที่มากมายเช่นนั้นออกมาในทีเดียวได้อย่างนั้นหรือ?
ต้องท้าวความก่อนว่าหากประมูลราคามั่วซั่วแล้วไม่มีเงินจ่ายละก็ เช่นนั้นจุดจบก็คือต้องถูกผู้แข็งแกร่งของทางงานประมูลลงมือกำราบแน่นอน ร่ายตัวต้องห้ามไว้ในตัวหยั่งรู้ ลดตำแหน่งเป็นทาสรับใช้
มาตรแม้นว่าความเป็นมาของเจ้าจะยิ่งใหญ่มาก ๆ ก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์บางอย่าง กองกำลังที่อยู่เบื้องหลังงานประมูลดาราจันทรานั้นก็ไม่ได้กินหญ้าเชียวนะ
ในส่วนของหลัวซิวนั้น สีหน้าท่าทีดูปกติ ในเมื่อเขากล้าประมูล เขาก็ต้องมีปัญญาจ่ายอยู่แล้ว ครั้นเมื่ออยู่ในดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ดวงนั้น วัตถุดิบที่เขาได้รับมานั้นเป็นทรัพย์สินที่ใหญ่โตมหึมาก้อนหนึ่งเชียวนะ หลังจากแบ่งให้ฉียู่หรงและหนิงหานยู่คนละส่วนแล้ว ในแหวนเก็บของของเขาก็ยังมีแก้วเทวชั้นสูงสิบล้านกว่าชิ้นกองอยู่
เซียวเฟยไม่ได้แข่งประมูลต่อ ผลประมูลสุดท้ายจบลงที่ราคาสิบล้าน การประมูลสิ้นสุดลงพร้อมกับเสียงค้อน!
“ขอแสดงความยินดีกับคุณชายท่านนี้ที่ประมูลอัคคีเทพเพลิงดาราดวงนี้สำเร็จ”
นักประมูลสาวอมยิ้ม ถัดจากนั้นก็มีสาวรับใช้คนหนึ่งใช้มือทั้งสองข้างยกถาดรอง บนถาดรองมีลูกแก้วที่ผนึกอัคคีเทพเพลิงดาราเอาไว้หนึ่งลูก เดินสับเท้าไปถึงหน้าหลัวซิว