“เรารู้จักกันหรือ?”
หงเฟยขมวดคิ้วอันงดงามนั่นลงไปเล็กน้อย ในความทรงจำของนางไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้เลยแม้แต่น้อย ทว่าความรู้สึกที่ฝ่ายตรงข้ามมอบให้ตนกลับรู้สึกคุ้นเคยและรำพึงหามาก ๆ นี่จึงทำให้สภาพจิตใจของนางยุ่งเหยิงมาก ๆ
มิเช่นนั้นละก็ หากไม่ใช่ความรู้สึกที่ยุ่งเหยิงเช่นนี้ เปลี่ยนเป็นผู้อื่นที่กระทำบุ่มบ่ามโฉ่งฉ่างเช่นนี้ นางต้องไม่ไว้หน้าคนคนนั้นแน่นอน
“บางทีอาจรู้จักกระมัง เจ้าคล้ายคนที่ข้ารู้จักมาก ๆ เจ้ารู้จักนางหรือไม่? นางมีนามว่าเหยียนเยว่เอ๋อร์ ส่วนข้านั้นนามว่าซิวหลัว”
หลัวซิวสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถามหยั่งเชิงคำหนึ่ง เขาไม่ได้บอกชื่อจริงของตัวเองออกมาเหมือนเคย ทว่าชื่อซิวหลัวนี้ก็ชัดเจนมาก ๆ แล้ว หากนางใช่เยว่เอ๋อร์จริง ๆ ละก็ เช่นนั้นก็ต้องรู้แน่นอนว่าตัวเองคือผู้ใด
แต่สุดท้ายก็ทำให้หลัวซิวรู้สึกผิดหวังอยู่ดี เนื่องจากสตรีผู้มีนามว่าหงเฟยตรงหน้านี้ส่ายหน้า “ข้าไม่รู้จักเจ้า และไม่รู้จักคนที่เจ้ากล่าวถึงเช่นกัน”
หลัวซิวไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขามองเห็นความงุนงงและดิ้นรนจากแววตาของหงเฟยเล็กน้อย ราวกับความทรงจำทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอดีตถูกนางลืมเลือนไปแล้วยังไงอย่างนั้น
“หรือว่าความทรงจำของนางถูกผนึกไปแล้ว?”หลัวซิวคิดจุดนี้ขึ้นมาได้ เนื่องจากเหยียนเยว่เอ๋อร์มีพรสวรรค์ด้านกฎเพลิงอัคคีที่สูงมาก ๆ บางทีหลิวเซี่ยหานอาจจะถูกอกถูกใจจุดนี้ ดังนั้นจึงผนึกความทรงจำของนางเอาไว้ ทำให้นางกลายเป็นศิษย์ในสำนักเซียนเทียนหยุน
ในส่วนของเขานั้น เกรงว่าตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงบัดนี้ เขาคงไม่เคยให้ความสำคัญกับหลิวเซี่ยหานเลยด้วยซ้ำ
“แล้วเจ้ารู้จักผู้ที่มีนามว่าเหยียนซีโรว่หรือไม่?”หลัวซิวถามด้วยความหวังเสี้ยวสุดท้าย
คำตอบของหงเฟยก็ยังคงเป็นการส่ายหน้าอีกเช่นเคย รู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจเล็กน้อย ความรู้สึกเจ็บเช่นนี้ไม่ได้เป็นเพราะเหยียนเยว่เอ๋อร์จำตัวเองไม่ได้ แต่เป็นเพราะตัวเองถึงทำให้เหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ต่างประสบกับเคราะห์หามยามร้ายเช่นนี้
เขา ณ วินาทีนี้รู้สึกเสียใจทีหลังมาก ๆ ซึ่งความรู้สึกเสียใจทีหลังเช่นนี้แตกต่างจากความรู้สึกผิดและโทษตัวเอง เขาเสียใจทีหลังมาก ๆ ที่เหตุใดเมื่อนั้นตนถึงไม่พาพวกนางออกไปจากโลกเสวียนเทียนพร้อมกัน แล้วก็พ่อแม่และพี่สาวที่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาทั่วไปผู้ซึ่งไร้พรสวรรค์ในการฝึกยุทธ์ ผ่านไปนานหลายปีแล้ว พวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
หากสามารถข้ามผ่านภัยพิบัติเช่นนี้ไปได้ หลัวซิวสาบานว่าตัวเองจะไม่ปล่อยให้ความผิดพลาดเช่นนี้เกิดขึ้นอีก เนื่องจากนี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว ครั้นเมื่ออยู่ในโลกแสงดาวเมื่อปีนั้น สำนักเสวียนหยางก็เคยกระทำเรื่องทำนองนี้ต่อเขาเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ปีนั้นเขาจึงลงมือล้มล้างสำนักเสวียนหยางด้วยน้ำมือตัวเอง!
ตึก!
ลูกแก้วที่มีอัคคีเทพเพลิงดาราผนึกไว้ถูกหลัวซิววางลง จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไปจากห้องที่นั่งพิเศษ
เซียวเฟยระงับจิตสังหารและไฟโกรธที่อยู่ในใจมาโดยตลอด ดวงตาที่เย็นเยือกร่วงลงบนลูกแก้วที่มีอัคคีเทพเพลิงดาราผนึกไว้ เขาเกิดอารมณ์ชั่ววูบที่อยากเข้าไปบดขยี้มันให้กลายเป็นฝุ่นผง
“เซียวเฟย ข้าเหนื่อยแล้ว ขอตัวกลับก่อน”
ทันใดนั้นเอง หงเฟยก็เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา นางยื่นมือที่ขาวดุจหยกนั่นออกไปหยิบลูกแก้วลูกนั้นขึ้นมา จากนั้นนางก็ลุกตัวขึ้นแล้วจากไปโดยไม่หันหน้ากลับมาอีกเช่นกัน
“แคว็ก!”
ที่ท้าวแขนของเก้าอี้ถูกนิ้วมือทั้งห้าของเซียวเฟยบีบจนแหลกสลาย
……
หลังจากประมูลอัคคีเทพเพลิงดารามาได้ และทิ้งลูกแก้วที่มีอัคคีเทพดวงหนึ่งผนึกไว้แล้ว หลัวซิวก็ออกจากงานประมูลดาราจันทรา
การจากไปของเขาได้ดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมาก เนื่องจากทุกคนต่างเข้าใจดีมาก ๆ ว่ากิริยาเมื่อก่อนหน้านี้ของคนดังกล่าว พอจะพูดได้เลยว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ตายไม่หยุดต่อเซียวเฟยแล้ว
ยิ่งกว่านั้นคือคนจำนวนไม่น้อยยังสันนิษฐานอีกว่า คนดังกล่าวมีโอกาสมีบ่วงแค้นต่อเซียวเฟยสูงมาก ๆ หรือไม่ก็กองกำลังที่เขาอยู่ไม่ถูกกับหอยอดอัมพร!
ภายในมหาโลกาใบนี้ กองกำลังที่กล้าปะทะกับหอยอดอัมพรอย่างดุเดือดนั้นมีไม่มาก ภายในเวลาชั่วขณะคนจำนวนไม่น้อยต่างคาดเดาความเป็นมาของชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีขาวดำคนนั้น