การผนึกรวมดาราไม่ได้เป็นของเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าและเคล็ดวิชาจุดลมปราณโดยเฉพาะ วรยุทธ์ระดับมหาจักรพรรดิก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ทว่าแค่ไม่ประณีตสวยวิจิตรเท่าเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าและเคล็ดวิชาจุดลมปราณ
“ใช่สินะ การจองหองมีราคาที่ต้องจ่าย”จู่ ๆ หลัวซิวก็ยิ้มอ่อน แล้วพ้นคำพูดที่ฟังดูพิลึกออกมาหนึ่งคำ
แต่ทว่าคำพูดดังกล่าวที่ดังเข้าไปในหูเซียวเฟยกลับเหมือนการถากถาง จึงทำให้จิตสังหารที่อยู่ในแววตาเขาเข้มข้นมากยิ่งขึ้น
และในความเป็นจริง สิ่งที่หลัวซิวทอดถอนใจนั้นคือตัวเขาเอง หากไม่ใช่เพราะตัวเองในอดีตจองหองพองขนมากเกินไป แล้วญาติพี่น้องมิตรสหายของตัวเองจะต้องประสบภัยที่ไม่มีเค้ามาก่อนเพราะเขาได้อย่างไรล่ะ?
ทันใดนั้นเอง เงาร่างของเซียวเฟยก็หายวับไปจากที่ไกล วินาทีต่อไปเขาก็ปรากฏด้านหลังหลัวซิวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฟาดฟันกระบี่ยาวที่ไร้รูปไร้เงาไปด้านหลังศีรษะหลัวซิวโดยตรง
นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวภายในพริบตาของกฎปริภูมิแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงความเร็วอย่างเดียวเท่านั้น เป็นความเร้นลับที่มีกฎความเร็วแฝงซ่อนอยู่
ตู้ม!
ณ วินาทีนี้ หลัวซิวก็ระเบิดออร่าบนร่างตัวเองออกมากะทันหันเช่นกัน ดาราทั้ง 30 ดวงปรากฏอยู่ด้านหลัง และกลายเป็นห้วงดาราหนึ่ง
เขาไม่ได้แสดงโลกาดาราที่กลายมาจากจุดลมปราณร่างมนุษย์ออกมา มิเช่นนั้นก็จะไม่ใช่ดารา 30 ดวง แต่เป็น 58 ดวง!
“วรยุทธ์ระดับมหาจักรพรรดิ?”
สีหน้าของเซียวเฟยเปลี่ยนไปเล็กน้อย วรยุทธ์ระดับมหาจักรพรรดิที่เขาฝึกนั้น ตั้งแต่เทพมารเป็นต้นไป เมื่อบรรลุถึงทุก ๆ แดนใหญ่จะสามารถผนึกรวมดาราออกมาได้ 10 ดวง ปัจจุบันเขาฝึกขั้น 3 ถึงแดนขั้นสูงแล้ว แต่ก็ผนึกรวมดาราออกมาได้เพียง 30 ดวง
มีดารา 30 ดวงเหมือนกัน ซึ่งนั่นก็หมายความว่าผลการฝึกตนของเจ้าหมอนี่ที่มีนามว่าซิวหลัวไม่ได้ด้อยไปกว่าตนเองหรือ?
ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว ดาราทั้ง 30 ดวงของทั้งสองฝ่ายก็พุ่งชนกันอย่างรุนแรง และเสี้ยววินาทีที่กระบี่ของเซียวเฟยกำลังจะทิ่มแทงโดนหลังศีรษะของหลัวซิว ก็ถูกดาบรบที่มีแสงอัสนีกระพริบระยิบระยับต้านทานไว้ก่อน
ตั่ง!
สะเก็ดไฟกระเด็นไปทั่วทุกสารทิศ ดาบเงาสายฟ้าสั่นเทิ้มจนเสียงดังเวิง ๆ ส่วนหลัวซิวก็หันหลังกลับไปภายในเสี้ยววินาทีนั้นเช่นกัน ยื่นมือออกไปจับด้ามจับดาบรบเอาไว้ แล้วฟาดฟันออกไปหนึ่งที
ภายใต้การวิวัฒนาการจากพลังอมตะหมื่นจักรวาลไร้รูป ดาบนี้ที่หลัวซิวฟาดฟันออกไปราวกับทำให้เขากลายร่างเป็นยักษ์ผู้บุกเบิกฟ้าดิน ซึ่งมีพลานุภาพล้ำเลิศที่ไร้ขอบเขตแฝงซ่อนอยู่
กำลังสุดบ้าระห่ำของจุดลมปราณร่างเนื้อ 28 จุดปะทุ อนัตตาพังทลายลงไปเป็นวงกว้าง และกลายเป็นตรีภพที่เชี่ยวกราก จิตสังหารไร้ขีดจำกัด!
เสียงตู้มดังสนั่นขึ้น ร่างกายของหลัวซิวไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ส่วนเงาร่างของเซียวเฟยกลับลอยกระเด็นออกไปกลางอากาศ มีความหวาดกลัวและความเคร่งขรึมปรากฏบนใบหน้าเล็กน้อย
แข็งแกร่งมาก!
นี่เป็นความรู้สึกแรกหลังจากเซียวเฟยได้ประมือกับหลัวซิว
มีปรากฏการณ์ประหลาดจากดารา 30 ดวงเหมือนกัน ผลการฝึกตนของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันไม่มาก แต่นึกไม่ถึงเลยว่าร่างยุทธ์ร่างเนื้อเขาก็เกะกะระรานมาก ๆ เช่นกัน ยิ่งกว่านั้นคืออาจจะมีร่างยุทธ์ของมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิแล้ว
“เจ้าคือผู้ใดกันแน่?”เซียวเฟยถามกระแทกเสียงต่ำ
เขาไม่เคยได้ยินชื่อซิวหลัวมาก่อนเลย แต่ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามก็เป็นคนที่ฝึกวรยุทธ์ระดับมหาจักรพรรดิเช่นกัน เช่นนั้นฐานะของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เซียวเฟยจำไม่ได้ว่าตนเคยรุกรานคนเช่นนี้เมื่อใด
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าทุกกริยาท่าทางของฝ่ายตรงข้ามครั้นเมื่ออยู่ในงานประมูลดาราจันทราล้วนมุ่งเป้ามาที่ตัวเอง นี่จึงทำให้เซียวเฟยรู้สึกสงสัยมาก ๆ
เดิมทีจากแผนการที่เขาวางไว้คือสังหารคนดังกล่าว จากนั้นค่อยค้นวิญญาณก็จะทราบเรื่องทุกอย่างเอง ทว่ากลับนึกไม่ถึงเลยว่าศักยภาพของฝ่ายตรงข้ามไม่ด้อยกว่าตัวเองเลยแม้แต่น้อย ยิ่งกว่านั้นคือยังแข็งแกร่งกว่าตนหนึ่งระดับด้วย นี่จึงรับมือยากหน่อยแล้วล่ะ
“ผู้ที่จะฆ่ามึง”
เสียงของหลัวซิวเย็นยะเยือกมาก เดิมทีเขาไม่มีแผนการที่จะมีปัญหากับหอยอดอัมพรเลย แต่ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามบังอาจหมายปองเหยียนเยว่เอ๋อร์ เช่นนั้นเขาก็ไม่รังเกียจที่จะสังหารคนดังกล่าว แล้วถือศีรษะของเขาไปกราบไหว้จีเสวียนคงเป็นอาจารย์ เพื่อให้ได้รับโควต้าในการมุ่งไปยังแดนเทวนิรันกาล
อยากจบการประมือกันในครั้งนี้ด้วยวิธีการที่รวดเร็วฉับไว ดังนั้นหลัวซิวจึงไม่ออมมือเลยแม้แต่น้อย ทันทีที่ลงมือก็ทุ่มสุดกำลังสามารถ
ตู้มม!
พลังออร่าบนร่างกายที่แข็งแกร่งมากตั้งแต่แรกของเขาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง จำนวนดารา 30 ดวงที่กลายมาจากห้วงดาราวิถียุทธ์ที่อยู่หลังศีรษะในตอนแรกเพิ่มขึ้นกะทันหัน กลายเป็น 58 ดวง!