“มึง……”
เซียวเฟยตกตะลึงมากจนหน้าถอดสี จากวรยุทธ์ที่เขาฝึก การที่จะผนึกรวมดารา 58 ดวงนั้น มีเพียงต้องเป็นผู้แข็งแกร่งแดนจ้าวมหาเทพถึงจะสามารถทำได้
แต่เห็นได้ชัดเจนเลยว่าผลการฝึกตนของคนดังกล่าวยังไม่บรรลุถึงมกุฎเทพ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าวรยุทธ์ที่เขาฝึก อยู่เหนือวรยุทธ์ที่ตัวเองฝึกอย่างนั้นหรือ?
แต่ทว่าถึงแม้จะเป็นวรยุทธ์ระดับมหาจักรพรรดิที่ทรงพลังที่สุดในหอยอดอัมพร ในแดนราชาเทพมากสุดก็สามารถผนึกดาราที่สร้างปรากฏการณ์พิลึกได้เพียง 42 ดวงเท่านั้น แต่ว่านั่นคือวรยุทธ์ที่มหาจักรพรรดิยุทธ์ยอดอัมพรทิ้งไว้เชียวนะ หรือว่ามันยังเทียบกับวรยุทธ์ที่คนดังกล่าวฝึกไม่ติด?
ณ บัดนี้วินาทีนี้ ในที่สุดเซียวเฟยก็รู้ตัวแล้วว่าตัวเองได้รุกรานคู่ต่อสู้ที่น่าสยดสยองมากจนไม่อาจจินตนาการได้คนหนึ่ง!
ต่อให้ตัวเองยังมีไพ่เด็ดสุดท้ายที่ยังไม่ได้ใช้ก็ตาม แต่เซียวเฟยก็หันหลังแล้วหนีอย่างไม่ลังเลใจ!
เขาคืออัจฉริยะในหอยอดอัมพร ฝึกกฎความเร็วถึงแดนขั้น 5 มาตรแม้นว่าเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพช่วงกลาง ก็มั่นใจว่าสามารถหนีรอดได้
ทว่าในเวลานี้เอง แรงกดดันที่มากมายมหาศาลก็พรั่งพรูมาจากทั่วทุกสารทิศ ทำให้ความเร็วในการบินหนีของเขาได้รับผลกระทบอย่างมาก เหมือนดั่งกรงที่ประกอบมาจากกฎปริภูมิ
อยู่ในแดนขั้น 5 เหมือนกัน กฎปริภูมิสามารถควบคุมกฎความเร็วได้อย่างง่ายดาย
“ทลาย!”
เซียวเฟยตะคอกเสียงดังลั่น เฉือนกระบี่ยาวไร้เงาไร้รูปที่อยู่ในมือออกไป ฉีกกระชากกรงปริภูมิที่อยู่ตรงหน้าออก ทวีคูณความเร็วกะทันหันแล้วบินหนีไป
กระบี่ที่อยู่ในมือเขาคือศัตราวุธราชาชั้นล่างธาตุกฎปริภูมิ การฉีกกระชากทลายกฎปริภูมิขั้น 5 จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
แต่ทว่าเซียวเฟยยังไม่ทันได้รู้สึกผ่อนคลายเลยสักนิด จู่ ๆ กิริยาท่าทางของเขาก็ถูกทำให้ช้าลง 10 กว่าเท่า……
“นี่คือ……”
เซียวเฟยเบิกตากว้าง วินาทีต่อไปเขาก็รู้สึกว่าตัวเองลอยขึ้น ก่อนจะมีศพที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่งปรากฏในสายตา
ภายใต้การกดอัดจากกฎเวลาและปริภูมิ ผู้ที่อยู่ต่ำกว่ามกุฎเทพ ไม่มีผู้ใดสามารถหนีพ้นเงื้อมมือของหลัวซิวไปได้
เขาใช้ดาบตัดศีรษะเซียวเฟยลงมา แต่จากผลการฝึกตนกึ่งมกุฎเทพของเขากลับไม่ยอมตายเช่นนี้ เงาสะท้อนของวัฏสงสารปรากฏอยู่ด้านหลัง จากนั้นก็มีพลังแห่งการดูดกลืนปรากฏ กลืนกินร่างกายของเซียวเฟยจนสูญสิ้นภายในชั่วพริบตาเดียว
ในวัฏสงสาร ความทรงจำทุกอย่างที่เป็นของเซียวเฟยถูกลอกออกมา ปรากฏอยู่ในกระแสสัมผัสของหลัวซิวโดยไม่มีการปิดบังใด ๆ
การกลืนกินความทรงจำแตกต่างจากการค้นวิญญาณ ส่วนมากความทรงจำที่ได้รับมาจากการค้นวิญญาณจะขาดตกบกพร่อง อีกทั้งตัวหยั่งรู้ของศิษย์ใจกลางในเหล่ากองกำลังใหญ่จะมีตัวต้องห้ามคอยคุ้มกัน ทันทีที่มีคนค้นวิญญาณ ห้วงจักรหยั่งรู้ก็จะพังทลายลงไปอัตโนมัติ ไม่ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับเบาะแสที่มีประโยชน์ไปแม้แต่น้อย
ในส่วนของการกลืนกินความทรงจำนั้น จะเป็นการนำความทรงจำของผู้อื่นผสมรวมเข้ามาในความทรงจำของตนเอง ซึ่งมันจะส่งผลให้ความทรงจำของตนเองวุ่นวายได้ง่าย
ทว่าวิธีการที่หลัวซิวใช้กลับไม่มีข้อเสียเลยแม้แต่น้อย ยึดความทรงจำของฝ่ายตรงข้ามในวัฏสงสาร ยิ่งกว่านั้นคือจะไม่สะเทือนถึงตัวต้องห้ามในตัวหยั่งรู้ด้วย
ในความทรงจำของเซียวเฟยไม่มีเบาะแสที่หลัวซิวต้องการแต่อย่างใด มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เกี่ยวข้องกัน นั่นก็คือสำนักเซียนเทียนหยุนพยายามจะเกี่ยวดองกับหอยอดอัมพร หรือการนำหงเฟยรับหมั้นให้กับเซียวเฟยนั่นเอง
เพล้ง!
ณ หอยอดอัมพรที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยล้านไมล์ มีเสียงแตกสลายดังมาจากด้านบนที่วางม้วนหยกวิญญาณชีวีของศิษย์ใจกลาง
สีหน้าของผู้อาวุโสที่เฝ้าหอเปลี่ยนไปเล็กน้อย เนื่องจากเขาคุ้นเคยต่อเสียงประเภทนี้ดี เพราะมันหมายถึงการดับสลายสูญสิ้นของศิษย์ใจกลาง
ตลอดกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านพ้นมา ศิษย์ใจกลางของหอยอดอัมพรมีไม่รู้ตั้งเท่าใด แต่ในระหว่างการฝึกตนและเจริญเติบโตของนักยุทธ์ มักจะมีเหตุสุดวิสัยอย่างนี้อย่างนั้นเกิดขึ้นอยู่เสมอ ดังนั้นสุดท้ายผู้ที่สามารถเติบใหญ่ขึ้นมาได้นั้นก็ยังคงมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น