ณ วินาทีนี้ กลับมีคัมภีร์โอสถเล่มหนึ่งปรากฏตรงหน้าเขาอีกครั้ง!
“ความสามารถในการกลั่นยาทั้งหมดของข้าล้วนมาจากคัมภีร์โอสถเล่มนี้ อย่างไรก็ตามคัมภีร์โอสถนั้นลึกซึ้งมาก ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถตระหนักได้อย่างแน่นอน หากเจ้าสามารถตระหนักรู้สิ่งที่อยู่ภายในได้ ก็จะสามารถกลายเป็นศิษย์ของข้า”
จีเสวียนคงเอ่ยปากพูดอย่างเชื่องช้า: “ข้าจักใช้วิชาคัมภีร์โอสถกลั่นยา เจ้าคอยดูให้ดี”
เสี้ยววินาทีที่ยังไม่ทันสิ้นเสียง จีเสวียนคงก็เริ่มโบกไม้โบกมือแล้ว ยาเซียนถูกเขาเสกออกมาทีละเม็ด จากนั้นเตายาที่เหมือนสร้างมาจากทองคำหนึ่งลูกก็บินออกมาจากจุดตันเถียนของเขา
ถัดจากนั้น จีเสวียนคงก็ดีดนิ้วชี้ทีหนึ่ง ก็มีเปลวไฟสีขาวบินออกมาตาม ผสมเข้าไปในเตายาทองคำแล้วเริ่มแผดเผาอยู่ภายใน ก่อนจะมีออร่าชีวีที่มากมายมหาศาลปรากฏ
ณ วินาทีนี้ แม้กระทั่งกฎชีวิตที่ตัวหลัวซิวฝึกก็เกิดความรู้สึกร่วมกับมันด้วย
“โอ๊ะ?”
จีเสวียนคงมองหลัวซิวด้วยสายตาที่แปลกใจรอบหนึ่ง ทว่ากลับไม่ได้พูดอะไรนัก แต่เป็นการเพ่งเล็งความสนใจไปที่การกลั่นยา
การกลั่นยาเซียนนั้น ต้องมีวิชายาที่สอดคล้องกัน หลัวซิวสามารถสังเกตเห็นได้ว่าการกลั่นยาในครั้งนี้ของจีเสวียนคงมิใช่ยาเซียนระดับสูงแต่อย่างใด เป็นเพียงยาเซียนระดับ 9 หนึ่งเม็ด
ซึ่งหลัวซิวก็สามารถกลั่นยาประเภทนี้ได้เช่นกัน เขาคุ้นเคยกับขั้นตอนการกลั่นยามาก ๆ แต่สิ่งที่ทำให้เขาเงียบเชียบลงไปเลยคือความเร็วในการร่ายวิชายาของจีเสวียนคงนั้นรวดเร็วมาก ๆ มากกว่านั้นคือทำให้แม้แต่ตัวสำนึกของเขา ก็ไม่สามารถจับร่องรอยการร่ายพลังตราประทับที่ฝ่ายตรงข้ามปลดปล่อยออกมาได้ด้วย
“การกลั่นยาเซียนระดับ 9 นั้นต้องยุ่งยากเช่นนี้เลยหรือ?”
หลัวซิวขมวดคิ้วลง เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ขั้นตอนการกลั่นยาเซียนระดับ 9 ของเขานั้นไม่ได้ซับซ้อนเช่นนี้ หากพูดตามหลักการ ระดับฝีมือของจีเสวียนคงอยู่เหนือตัวเองมาก ขั้นตอนในการกลั่นยาจึงควรจะผ่อนคลายมากกว่าสิ
ภายใต้จิตใจที่สงสัย หลัวซิวรวบรวมสติปัญญาทั้งหมด รวบรวมพลังแห่งตัวสำนึกทั้งหมด พยายามทุ่มสุดกำลังสามารถเพื่อไล่ดูร่องรอยวิชายาที่จีเสวียนคงปล่อยออกมา ตัวสำนึกส่วนหนึ่งยิ่งแทรกซึมเข้าไปภายในเตายาทองคำ เรียนรู้ขั้นตอนการขึ้นรูปของตัวยาที่อยู่ภายในเตา
เมื่อลองสำรวจดูแล้ว ก็ทำเอาหลัวซิวตกใจจนสะดุ้งจริง ๆ
เนื่องจากยาเซียนที่กำลังจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในเตายานั้น แม้จะเป็นยาเซียนระดับ 9 ทว่าฤทธิ์ยาที่แฝงซ่อนอยู่ภายใน แทบจะเยอะกว่ายาเซียนระดับ 9 ที่เขากลั่นได้สองถึงสามเท่าตัวเลย!
นี่มันมีความหมายโดยรวมว่าอย่างไร? ฤทธิ์ยาของยาเซียนหนึ่งเม็ดเท่ากับยาเซียนทั่วไปสองถึงสามเท่า ซึ่งนี่ไม่สามารถนำยาเซียนทั่วไปสองสามเม็ดรวมกันแล้วมาประเมินค่ากับมันได้
ยกตัวอย่างเช่นตัวหลัวซิวเอง ปัจจุบันเขาเปิดจุดลมปราณบนแขนขวาได้ 10 จุดจากทั้งหมด 18 จุด แต่ถ้าเกิดจะเปิดจุดที่ 11 ละก็ จากฤทธิ์ยาที่แฝงซ่อนอยู่ในยาเซียนระดับ 9 นั้น มันมีไม่เพียงพอต่อการทลายประตูแห่งกฎเกณฑ์แล้ว
เพราะฉะนั้นกาลเวลาผ่านมานานเช่นนี้ เขาจึงไม่สามารถพัฒนาร่างเนื้อให้ก้าวหน้าได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว แต่ถ้าเกิดฤทธิ์ยาของยาเซียนระดับ 9 เพิ่มขึ้นสองถึงสามเท่าละก็ เช่นนี้อาศัยการทลายจากฤทธิ์ยาที่มากมายมหาศาลเช่นนี้ ก็จะเพียงพอต่อความต้องการในการเปิดจุดลมปราณต่อไปแล้ว
ในช่วงเวลาที่ใจลอย ความสามารถในการตระหนักรู้ที่สูงส่งของหลัวซิวก็เกิดประสิทธิผล ทำให้เขาตกเข้าสู่สถานการณ์ที่เหมือนมีการตระหนักรู้ยังไงอย่างนั้น
“เวิง!”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงสั่นเทิ้มเล็กน้อยสะท้อนออกมาจากเตายาทองคำ ถัดจากนั้นฝาเตาก็เปิดออก ยาเซียนทั้ง 6 เม็ดบินออกมาจากภายใน ต่างพากันร่วงลงไปในขวดหยกหนึ่งขวดที่จีเสวียนคงหยิบออกมา
ลาดเลาที่ยาเซียนออกจากเตาก็ทำให้ความคิดของหลัวซิวถูกขัดเช่นกัน เมื่อครู่เขามีสมาธิจดจ่ออยู่กับการเรียนรู้ขั้นตอนการที่ฤทธิ์ยารวมตัวกัน และได้รับการตระหนักรู้มาบ้างเล็กน้อย หากสามารถนำมาผสมเข้ากับวิชาในการกลั่นยาของตัวเอง ต้องสามารถทำให้วิชาการกลั่นยาของเขาเพิ่มขึ้นไม่น้อยแน่นอน
“บนตัวเจ้ามีออร่าของนักกลั่นยา หากข้าเดาไม่ผิดละก็ เจ้าน่าจะเป็นนักกลั่นยาที่อยู่ในแดนระดับ 9 เจ้าดูซิว่ายาเซียนระดับ 9 ที่ข้ากลั่นได้นั้นแตกต่างจากยาที่เจ้ากลั่นได้อย่างไร?”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น จีเสวียนคงก็ยื่นขวดหยกที่อยู่ในมือไปให้หลัวซิว