หลัวซิวรีบยื่นมือไปรับมา ต้องท้าวความก่อนว่าจากการประมาณการของเขา ยาเซียนทั้ง 6 เม็ดที่อยู่ภายในขวดหยกดังกล่าว เพียงพอที่จะทำให้เขาเปิดจุดลมปราณที่ 11 ได้โดยสมบูรณ์แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการฝึกเคล็ดแสงดาวเทียนเต้า หรือเคล็ดวิชาจุดลมปราณ เมื่อถึงช่วงหลัง ๆ ระดับความยากในการผนึกรวมดาราทุกดวง หรือการหล่อเลี้ยงโลกาดาราในทุก ๆ จุดลมปราณล้วนจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
หยิบยาเซียนระดับ 9 ออกมาหนึ่งเม็ด หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในใจ ยาเซียนเม็ดนี้เหมือนดั่งหินหยกกายสิทธิ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกใบนี้ ใสแวววาวพร่างพราว คุณสมบัติของยาเซียนต่าง ๆ ได้ผสมเรียงรายกันตามกฎเกณฑ์ที่พิเศษ ส่งผลให้ฤทธิ์ยาของยาเซียนระดับ 9 เม็ดนี้ อยู่เหนือยาเซียนระดับ 9 ทั่วไปถึงสามเท่าตัว!
นี่จึงทำให้หลัวซิวเข้าใจขึ้นมาได้ในทันที ในอดีตทุกครั้งที่กลั่นยา เขาจะนำฤทธิ์ยาของยาเซียนต่าง ๆ มาผสมรวมกัน แท้จริงแล้วเขาดึงฤทธิ์ยาของยาเซียนเหล่านั้นออกมาได้ไม่ถึงห้าส่วนเลยด้วยซ้ำ!
มีเพียงวิชายาที่สมบูรณ์แบบมากกว่า ฝีมือในการกลั่นยาที่ลึกซึ้งมากกว่า ถึงจะสามารถดึงฤทธิ์ยาของยาเซียนออกมาได้มากขึ้น ซึ่งไม่ใช่การไม่ให้มีสิ่งเจือปนในเม็ดยาก็เพียงพอแล้ว
การที่นักกลั่นยาขั้นสุดยอดที่แท้จริงคนหนึ่งกลั่นยาที่บริสุทธิ์ไร้ซึ่งสิ่งเจือปนออกมาได้นั้น มันเป็นเพียงพื้นฐานเท่านั้น! การยกระดับฤทธิ์ยาของยาเซียนให้เกิดประโยชน์ ถึงจะเป็นมาตรฐานในการวัดระดับความสูงต่ำด้านฝีมือของนักลั่นยาคนหนึ่ง
จีเสวียนคงพบว่าดวงตาของหลัวซิวยิ่งอยู่ยิ่งสว่างไสวขึ้น จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มพลางพยักหน้าพลางพูด: “คิดว่าเจ้าก็น่าจะมีการตระหนักรู้แล้ว”
“ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะของผู้อาวุโสขอรับ”หลัวซิวทำท่าคารวะเพื่อแสดงความเคารพ หากไม่มีการชี้แนะโดยการกลั่นยาด้วยตนเองของจีเสวียนคงละก็ เขาก็ไม่ทราบเช่นกันว่าตัวเองจะตระหนักรู้ในเรื่องเหล่านี้ได้เมื่อไหร่
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าวิธีการกลั่นยาของตัวเองนั้นสมบูรณ์แบบมาก ๆ แล้ว ทว่าในความเป็นจริงกลับเป็นเพียงกบในกะลาเท่านั้นแหละ
“การสืบสานด้านการกลั่นยาของข้านั้นมาจากคัมภีร์โอสถ เจ้าจักสามารถบุกเบิกฟ้าดินของตัวเองบนเส้นทางการกลั่นยาได้หรือไม่นั้น คงต้องดูว่าเจ้าตระหนักรู้เนื้อหาที่อยู่ภายในคัมภีร์โอสถได้มากน้อยเท่าไหร่แล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวซิวก็ไม่ได้พูดอะไร สายตาได้ร่วงลงบนหนังสือโบราณอย่างคัมภีร์โอสถอีกครั้ง
เศษคัมภีร์อมฤตเคยชี้ทางสว่างทางสติปัญญาให้เขาไม่น้อย ทำให้การตระหนักรู้และฝีมือในวิถีค่ายกลของเขาอยู่เหนือคนทั่วไป ยิ่งกว่านั้นคือสามารถทำให้เขาบรรลุถึงแดนที่นักค่ายกลจำนวนมากต่างใฝ่หาแม้ในยามนอนหลับอย่างแดนก่อค่ายเป็นยันต์
ด้วยเหตุนี้หลัวซิวจึงคาดหวังต่อคัมภีร์โอสถอย่างเต็มเปี่ยม!
เขายื่นมือออกไปเปิดหน้าแรกออกคัมภีร์โอสถ ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียวภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็พุ่งเข้าไปในสมองเขาในทีเดียว ราวกับมีตัวเองอีกร่างหนึ่งปรากฏในห้วงจินตนาการของสมอง วิชายาที่ตัวเขาตระหนักและยึดกุมถูกอธิบายเป็นข้อ ๆ อย่างชัดเจน ค่อย ๆ วิวัฒนาการไปในทิศทางที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
ลึกลับและมหัศจรรย์มาก!
ความรู้สึกที่สามารถสัมผัสได้ชัดเจนว่าระดับวิถียาของตนเองพุ่งพรวดอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ทำให้หลัวซิวดื่มด่ำกับมันอย่างรวดเร็ว และไม่สามารถถอนตัวออกมาได้
วิชายาที่ไม่ละเอียดและเรียบง่ายในตอนแรกของเขา หลังจากผ่านการอนุมานและวิวัฒนาการจนนับไม่ถ้วนในห้วงจินตนาการแล้ว วิชายาที่ละเอียดประเภทหนึ่งก็ปรากฏอยู่ในตัวหยั่งรู้ของเขา
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ หลัวซิวดึงสายตาตัวเองกลับมาจากคัมภีร์โอสถ ก่อนจะยกมือรีบนำยาเซียนที่อยู่ภายในแหวนเก็บของออกมา เริ่มทำการกลั่นยาโดยตรง
เปลวไฟที่ดีที่สุดสำหรับการกลั่นยานั้น ก็ต้องเป็นเปลวไฟที่ผนึกรวมมาจากกฎชีวิตอยู่แล้ว เปลวไฟสีขาวที่เหมือนเปลวไฟของจีเสวียนคงทุกประการลุกโชนอยู่ระหว่างฝ่ามือและนิ้วมือของหลัวซิว
ยาเซียนเป็นเตา ๆ ถูกเขากลั่นสกัดออกมาได้อย่างง่ายดาย เขาใช้วิธีการกลั่นยาด้วยตนเอง มาพิสูจน์ผลลัพธ์ที่อนุมานและวิวัฒนาการได้ในสมองของตัวเอง
ไม่นานนัก ยาเซียนทั้งหมดที่อยู่ภายในแหวนเก็บของของเขาก็ถูกใช้จนหมด ส่วนข้างกายเขาก็มีขวดหยกตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก ภายในเต็มไปด้วยเม็ดยาเซียนชนิดต่าง ๆ
หลังจากที่ยาเซียนระดับ 9 เตาสุดท้ายถูกเขากลั่นออกมาแล้ว หลัวซิวกำหนึ่งในเม็ดยาทั้งหมดไว้ในมือ พร้อมกับรอยยิ้มที่แย้มบานบนใบหน้า