มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1846
แต่ทว่าหลัวซิวก็ยังคงสังเกตเห็นอยู่ดีว่าใบหน้าของพ่อแม่แก่ชราลงไปเยอะมาก พี่สาวก็ดูไม่อ่อนเยาว์และสวยงามเหมือนอดีตแล้ว ถึงแม้จะมีการต่อชีวิตโดยยาวิเศษในสำนักไท่เสวียน แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาทั่วไป และอายุขัยก็เหลือไม่มากแล้ว
ในฐานะที่เป็นมนุษย์ทั่วไป หลัวซิวก็จนปัญญามาก ๆ เช่นกัน หากไม่มีสติปัญญาในการฝึกยุทธ์ ต่อให้เป็นเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาเช่นนี้ได้ นอกเสียจากว่าสักวันเขาจะสามารถสร้างวัฏสงสารขึ้นมาได้ แต่พ่อแม่ที่ผ่านการเวียนว่ายตายเกิดแล้ว ก็จะไม่มีผลกรรมใด ๆ ต่อเขาอีก
เก็บลูกแก้วแดนปริศนาเข้ามา หลัวซิวก้มคำนับให้เฒ่าประหลาดเทียนหยุน “ท่านผู้อาวุโสสามารถฟื้นความทรงจำของหงเฟยได้หรือไม่ขอรับ?”
เฒ่าประหลาดเทียนหยุนมองหลัวซิวรอบหนึ่งแล้วส่ายหน้า ก่อนจะตอบกลับว่า :“ความทรงจำของนางไม่ได้ถูกผนึก แต่เป็นการถูกลบทิ้งโดยตรง ข้าก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน”
“สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของศิษย์ในสำนักข้า สิ่งของที่อยู่ภายในแหวนเก็บของวงนี้ ถือซะว่าเป็นค่าชดเชยให้เจ้าก็แล้วกัน”เฒ่าประหลาดเทียนหยุนนำแหวนเก็บของวงนั้นของหลิวเซี่ยหานโยนไปให้หลัวซิว
ร่างกายของหลัวซิวนิ่งอึ้งไปโดยสมบูรณ์แล้ว หัวสมองโล่งเปล่า ยิ่งกว่านั้นคือเขาได้รับแหวนเก็บของวงนั้นเลยด้วยซ้ำ แหวนวงนั้นตกใส่ตัวเขาและร่วงหล่นลงไปบนพื้น
เฒ่าประหลาดเทียนหยุนขมวดคิ้วลงเล็กน้อย เป็นผู้น้อยคนหนึ่งแต่กลับกระทำเช่นนี้ นี่เป็นการไม่ให้เกียรติเขาอย่างไร้ข้อสงสัยเลย
แต่ทว่าในฐานะที่เห็นแก่หน้าจีเสวียนคง เฒ่าประหลาดเทียนหยุนก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไรนัก มิเช่นนั้นก็จะทำให้เขาที่เป็นอาจารย์จักรพรรดิเทพผู้สง่าผ่าเผยดูใจแคบอย่างเห็นได้ชัด
“ผู้เพื่อนยุทธ์เสวียนคง วิธีการจัดการของข้าสามารถทำให้เจ้าพึงพอใจได้หรือไม่?”เฒ่าประหลาดเทียนหยุนมองไปทางจีเสวียนคง
“ข้าจักพึงพอใจหรือไม่นั้นมันไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือศิษย์ของข้าพึงพอใจหรือไม่”
และในเวลานี้เอง หลัวซิวก็ดึงสติกลับมาได้แล้ว ก่อนที่เขาจะนำสายตาจับจ้องไปทางหงเฟย “ปัจจุบันเจ้าก็น่าจะทราบแล้วว่าความทรงจำของเจ้าถูกหลิวเซี่ยหานลบทิ้งไปแล้ว เจ้าในอดีตมีนามว่าเหยียนเยว่เอ๋อร์ คือภรรยาของข้า”
“ถูกต้อง เจ้าเป็นภรรยาของเขาจริง ๆ ”เฒ่าประหลาดเทียนหยุนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ช่วยอธิบายหนึ่งคำเช่นกัน เขาแค่อยากทำให้เรื่องนี้จบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
“แต่ว่าข้าจำไม่ได้แล้ว”หงเฟยเอ่ยปากพูดอย่างกะทันหัน
อุปนิสัยของนางได้ตัดสินการตัดสินใจของนางแล้ว เนื่องจากสูญเสียความทรงจำเหล่านี้ไปแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อหลัวซิว ณ วินาทีนี้ แล้วจะให้นางไปเผชิญหน้ากับเรื่องนี้อย่างไร?
เมื่อได้ฟังคำพูดของหงเฟยแล้ว หลัวซิวก็รู้สึกโศกเศร้าเสียใจเล็กน้อย แม้แต่เขาที่เป็นผู้มีปณิธานแน่วแน่ ก็ไม่สามารถข่มความรู้สึกเจ็บใจเช่นนั้นลงไปได้
……
สุดท้าย หงเฟยไม่ได้จากไปพร้อมกับเขา หลัวซิวก็ไม่ได้บีบบังคับนางเช่นกัน เขาเชื่อว่าสักวันตัวเองต้องตามหาวิธีการที่สามารถทำให้ความทรงจำของนางฟื้นกลับคืนมาได้แน่นอน ถึงครานั้นไม่เร็วก็ช้านางจะกลับมาอยู่เคียงข้างตนเองอีกครั้ง
มีเส้นสายของเขาคงอยู่ ตราบใดที่ตัวตนเขายังเป็นศิษย์ของจีเสวียนคง เช่นนั้นหงเฟยที่อยู่ในสำนักเซียนเทียนหยุนก็จะไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมใด ๆ
ในส่วนของเหยียนซีโรว่นั้น เนื่องจากนางเป็นร่างสองพิภพที่หาพบได้ยากมาก ๆ ถูกหลิวเซี่ยหานใช้ลู่ทางบางอย่างขายตัวนางทิ้งแล้ว อาจารย์เทียนหยุนได้ให้คำมั่นสัญญาแล้วว่าจะให้ศิษย์ในสำนักเซียนช่วยกันตามหาร่องรอยของเหยียนซีโรว่
ผู้คนในไท่เสวียนที่อยู่ภายในลูกแก้วแดนปริศนา ถูกหลัวซิวโยกย้ายมายังโลกาจุดลมปราณของตัวเอง โลกาดาราที่หล่อเลี้ยงขึ้นมาโดยจุดลมปราณของเขานั้น เทียบเท่าพิภพกลางที่ราชาเทพบุกเบิก ซึ่งสามารถนำมาเป็นที่พักชั่วคราวให้แก่ผู้คนในไท่เสวียน
อีกทั้งเมื่อทำเช่นนี้แล้ว นอกเสียจากว่าเขาจะดับสลายสูญเสีย มิเช่นนั้นผู้คนในไท่เสวียนก็จะไม่ถูกผู้อื่นหมายตาไว้ แล้วนำคนเหล่านั้นมาข่มขู่ตัวเองได้อีก
“แดนเทวนิรันกาลถูกยึดกุมโดยกองกำลังใหญ่จากที่ต่าง ๆ ในมหาโลกาพันสาม ทุก ๆ มหาโลกามีโควต้าเพียงสิบที่เท่านั้น หอยอดอัมพรคือสำนักจักรพรรดิ ซึ่งครอบครองโควต้าทั้งหมดห้าที่ ส่วนอีกห้าที่ที่เหลือนั้น เหล่าเด็กรุ่นใหม่ต้องไปช่วงชิงเอง”