เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสำนักเซียนเทียนหยุนจบลงเพียงเท่านี้ชั่วคราว จีเสวียนคงก็เริ่มบอกเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับแดนเทวนิรันกาลให้หลัวซิวฟัง
หลัวซิวสลัดความรู้สึกนึกคิดในใจออกไป ตั้งใจฟังอย่างเงียบ ๆ ครั้นเมื่อเขาไปกราบไหว้จีเสวียนคงเป็นอาจารย์ ภายในก็มีจุดประสงค์ที่สำคัญเรื่องหนึ่งแล้ว ซึ่งนั่นก็คือเพื่อมุ่งหน้าไปยังแดนเทวนิรันกาล
แดนเทวนิรันกาลนั่นทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งในมหาโลกาพันสามต่างจับจ้อง สมบัติสามชิ้นนั้นยิ่งเป็นสิ่งที่ทำให้แม้แต่ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพยังรู้สึกหวั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง จึงไม่มีทางที่หลัวซิวไม่อยากไปหาประสบการณ์สักครั้ง
อ้างอิงจากคำพูดของจีเสวียนคง ในมหาโลกาพันสาม ทุก ๆ มหาโลกาล้วนมีเส้นทางดาราหนึ่งเส้น
เส้นทางดาราในตำนานเป็นสิ่งที่วิวัฒนาการมาจากธรรมจักรวาลฟ้าดินในยุคโบราณ ขอแค่เหยียบย่ำลงบนเส้นทางดารา ก็จะสามารถตระหนักถึงความเร้นลับของกฎฟ้าดินได้ ขณะเดียวกันในระหว่างขั้นตอนดังกล่าวก็จะมีการฝึกฝนและการฝึกปรือปรากฏเช่นกัน
“แต่อาจารย์รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงมากว่าเส้นทางดารานั่น ไม่ได้วิวัฒนาการมาจากธรรมฟ้าดิน แต่เป็นสมบัติที่ถูกกลั่นขึ้นมาโดยฝีมือมนุษย์”
จีเสวียนคงบอกเล่าการคาดเดาของตัวเองออกมา แต่ทว่าการคาดเดานี้ไม่มีหลักฐานใด ๆ เนื่องจากเส้นทางดาราเป็นหนึ่งเดียวกัน และลึกลับมาก ๆ มาตรแม้นว่าเขาที่เป็นผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพ ก็ไม่สามารถมองความลึกตื้นของมันออก
ภายใต้การนำพาของจีเสวียนคง หลัวซิวทั้งสามคนก็บินออกจากดารายอดอัมพร มาถึงอนัตตานอกดารายอดอัมพร
หลัวซิวมองเห็นสนามจัตุรัสขนาดใหญ่สนามหนึ่งตรงตำแหน่งที่อนัตตาและห้วงดาราติดต่อกัน รวมไปถึงทางเข้าที่มืดสนิทที่อยู่เหนือนภาสนามจัตุรัส
ทางเข้าที่มืดสนิทนั่นเหมือนหลุมดำยังไงอย่างนั้น ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตั้งแต่โบราณมา ไม่สามารถแผ่ตัวสำนึกเข้าไปภายในได้ สามารถมองเห็นคนเดินเข้าไปภายในอยู่เป็นระยะ ๆ และมีคนที่ถูกส่งออกมาเช่นกัน บนตัวของคนเหล่านั้นมีบาดแผลที่มากมาย สภาพดูเก้ ๆ กัง ๆ เป็นอย่างยิ่ง
ข้างหนึ่งของสนามจัตุรัสมีกำแพงสร้างอยู่สามแนว แนวหนึ่งสีเขียว แนวหนึ่งสีมอง แนวหนึ่งสีม่วง บนกำแพงมีชื่อสลักอยู่เป็นจำนวนมาก และการเรียงลำดับของชื่อเหล่านี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่เป็นระยะ ๆ เช่นกัน
“รายชื่อบนกำแพงสีเขียวล้วนเป็นนักยุทธ์ราชาเทพ ส่วนกำแพงสีทองนั้นคือนักยุทธ์มกุฎเทพ และกำแพงสีม่วงก็คือผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพ ยิ่งผ่านด่านบนเส้นทางดาราได้มากเท่าไหร่ ก็แสดงว่าพรสวรรค์และศักยภาพของคนคนนั้นสูงมากเท่านั้น อัจฉริยะในกองกำลังใหญ่ส่วนมากล้วนจะมาฝ่าด่านบนเส้นทางดารา เพื่อเป็นการพิสูจน์ศักยภาพและพรสวรรค์ของตัวเองเจ้าค่ะ”จีเสี่ยวจื่อที่อยู่ข้าง ๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่สดใสไพเราะ
กระดานราชาเทพ กระดานมกุฎเทพและกระดานจ้าวมหาเทพ!
โดยทั่วไปแล้วผลการทดสอบบนเส้นทางดาราสามารถแสดงให้เห็นถึงระดับความสูงต่ำของศักยภาพของนักยุทธ์ที่อยู่ในแดนเดียวกัน ทุก ๆ อันดับหนึ่งของแต่ละกระดานรายชื่อก็ถูกเรียกว่าจอมยืนหนึ่ง
ยกตัวอย่างเช่นหลัวซิวเห็นว่าผู้ที่ถูกจัดอยู่ในอันดับหนึ่งของกระดานเขียวมีนามว่าหยุนเทียนหยู ซึ่งเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของราชาเทพ และสามารถเรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในแดนราชาเทพของมหาโลกายอดอัมพรเช่นกัน!
การที่สามารถเป็นจอมยืนหนึ่งในมหาโลกาใบหนึ่งนั้น จึงไม่ต้องสงสัยในระดับความสูงของศักยภาพและพรสวรรค์ของคนดังกล่าวอยู่แล้ว
ในส่วนของตัวตนของหยุนเทียนหยูนั้นคือศิษย์สืบทอดในสำนักจักรพรรดิอย่างหอยอดอัมพร!
ในกองกำลังใหญ่ขั้นสุดยอด นอกเหนือจากศิษย์นอกสำนักและศิษย์ในสำนักแล้ว ผู้ที่จะได้รับความสำคัญอย่างน้อยก็ต้องเป็นศิษย์ใจกลาง และตำแหน่งที่อยู่เหนือศิษย์ใจกลางก็คือศิษย์สนิท ส่วนตำแหน่งที่โดดเด่นกว่าศิษย์สนิทนั้นก็คือศิษย์สืบทอด!
ศิษย์สืบทอดของสำนักจักรพรรดิหอยอดอัมพร สามารถพูดได้เลยว่าตัวตนเช่นนี้ถูกบ่มเพาะตามแบบผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งรุ่นถัดไปของหอยอดอัมพร
“หยุนเทียนหยูเป็นอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งที่เพิ่งโผล่หัวออกมาอย่างเฉียบพลันเมื่อไม่นานมานี้ แต่ถ้าเกิดผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงมกุฎเทพ การที่อยากอยู่ในอันดับหนึ่งบนกระดานมกุฎเทพนั้น ก็จะไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว”
จีเสวียนคงมองไปทางหลัวซิวที่อยู่ข้าง ๆ “อาจารย์มีบ่วงแค้นต่อหอยอดอัมพร ในฐานะที่เจ้าเป็นศิษย์สืบทอดของข้า จึงจะด้อยกว่าศิษย์สืบทอดของหอยอดอัมพรไม่ได้อยู่แล้ว!”