มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1848
“อาจารย์ ผลการฝึกตนของข้ายังบรรลุไม่ถึงแดนราชาเทพเลยขอรับ”หลัวซิวเกา ๆ ศีรษะพลางพูด
“ไม่ถึงราชาเทพ?”
จีเสวียนคงผงะไปเลย จีเสี่ยวจื่อก็ผงะไปเช่นกัน หนึ่งเฒ่าหนึ่งสาวและดวงตาสี่ข้างเขม็งมองหลัวซิว
“ไม่ใช่หรอกกระมัง เห็น ๆ อยู่ว่าคลื่นผลการฝึกตนของศิษย์พี่ท่านคือราชาเทพขั้น 6”จีเสี่ยวจื่อพูดด้วยความสงสัย
บนใบหน้าหลัวซิวมีความรู้สึกเขินอายอย่างหาดูได้ยากปรากฏ “แท้จริงแล้วผลการฝึกตนของข้าคือเทพฟ้าขั้น 6 แต่ทว่าพลังเวทย์ผลการฝึกตนสามารถเทียบทัดราชาเทพขั้น 6 ดังนั้นคลื่นผลการฝึกตนถึงได้เป็นเช่นนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว มุมปากของจีเสวียนคงก็กระตุก จีเสี่ยวจื่อก็ใช้มือทั้งสองข้างกุมหน้าผากตนเช่นกัน
ทำร้ายจิตใจคนมากเกินไปแล้ว!
ต้องท้าวความก่อนว่าเจ้าหมอนี่กระทืบมกุฎเทพขั้น 4 คนหนึ่งจนหนีหัวซุกหัวซุนเลยนะ แต่ผลการฝึกตนที่แท้จริงของเขากลับเป็นเพียงเทพฟ้าขั้น 6 อย่างนั้นหรือ?
จีเสี่ยวจื่อหรี่ตามองหลัวซิวด้วยความคับแค้นใจเล็กน้อย ดวงตาที่สดใสแวววาวคู่นั้นราวกับกำลังบอกว่าท่านจงใจพูดทำร้ายจิตใจคนอื่นใช่ไหม?
การท้าประลองผู้ที่อยู่สูงกว่าตนหนึ่งแดนใหญ่นั้น เรียกได้ว่าเป็นขีดจำกัดที่ทุกคนต่างทราบกันดีแล้ว หรือนั่นก็หมายความว่าต่อให้เป็นอัจฉริยะขั้นสุดยอดมากเพียงใด การก้าวข้ามหนึ่งแดนใหญ่เพื่อประลองกับผู้ที่อยู่สูงกว่าตนหนึ่งแดนใหญ่นั้น ถือว่าถึงขีดจำกัดแล้ว
ถ้าเกิดบอกว่าหลัวซิวใช้ผลการฝึกตนราชาเทพขั้น 6 แล้วยังพอจะสามารถอาศัยของขลังจ้าวมหาเทพโค่นล้มมกุฎเทพขั้น 4 ได้ แม้ยังไม่สามารถทำถึงขั้นก้าวข้ามแดนใหญ่ท้าประลอง แต่ก็ถือเป็นความสามารถในการข้ามแดนประลองที่น่าสยดสยองมาก ๆ แล้ว
แต่ถ้าเกิดบอกว่าผลการฝึกตนที่แท้จริงของเขาเป็นเพียงเทพฟ้าขั้น 6 เช่นนั้นการข้ามแดนประลองนี้ก็จะน่าสยดสยองยิ่งกว่า เนื่องจากนี่มันแทบจะเป็นการก้าวข้ามสองแดนใหญ่แล้วนะ!
แม้แต่มุมปากของจีเสวียนคงก็ยังกระตุกไปด้วย อยากพูดว่านี่เจ้ายังเป็นมนุษย์มนาอยู่หรือเปล่า? อสูรดูดจิตสมัยโบราณยังไม่โรคจิตเท่าเจ้าเลย
“ดีมาก สมกับที่เป็นศิษย์ของอาจารย์เสียจริง!”จีเสวียนคงตบ ๆ ไหล่ของหลัวซิว
จีเสี่ยวจื่อทำปากจู๋พลางมองหน้าปู่ตนเองรอบหนึ่ง พลางคิดในใจว่าเหมือนศิษย์พี่หลัวเพิ่งจะไหว้ครูสำเร็จนะ ท่านปู่นี่หน้าด้านจริง ๆ เลย……
“เส้นทางดาราไม่จำกัดผลการฝึกตน แต่ทว่าเนื่องจากการฝ่าด่านบนเส้นทางดารามีภัยอันตรายซ่อนอยู่ เพราะฉะนั้นเมื่อผู้ที่อยู่ต่ำกว่าราชาเทพเข้าไปแล้ว ส่วนมากก็จะตายกันหมด มาตรแม้นว่าเป็นผู้ที่อยู่สูงกว่าราชาเทพ หากศักยภาพไม่เพียงพอ ก็อันตรายถึงชีวิตเช่นกัน”
“แต่ทว่าขอแค่เพียงศักยภาพของเจ้าแข็งแกร่งมากพอ ฝ่าด่านได้เยอะ รายชื่อของเจ้าก็จะปรากฏบนกระดานราชาเทพเช่นกัน”
จีเสวียนคงรู้อยู่ว่าสาเหตุที่หลัวซิวบอกผลการฝึกตนของตัวเองออกมานั้น เป็นเพราะคิดว่าหากผลการฝึกตนไม่ถึงราชาเทพก็จะไม่สามารถเข้าไปในเส้นทางดาราได้
ส่วนระดับความยากภายในเส้นทางดารานั้น ต่ำสุดก็อยู่ที่ระดับราชาเทพ หากมกุฎเทพและจ้าวมหาเทพเข้าไปแล้ว ระดับความยากก็มีแต่จะเพิ่มสูงมากขึ้น
หากอยากให้รายชื่อปรากฏบนกระดานราชาเทพ ก็ต้องลงทะเบียนตรงทางเข้า และจะได้รับป้ายบัญชาการมาหนึ่งชิ้น ซึ่งป้ายบัญชาการจะส่งข้อมูลกลับมาแสดงบนกระดานราชาเทพตามผลงานของผู้ฝ่าด่าน
ทำตามความหมายของจีเสวียนคง หลัวซิวและจีเสี่ยวจื่อเดินเข้าไปภายในพร้อมกัน ต่างลงทะเบียนตรงทางเข้าตามลำดับ และได้รับป้ายบัญชาการมาคนละชิ้น
ชื่อที่หลัวซิวลงคือซิวหลัว ภูมิลำเนาเมืองดาราจันทรา
ส่วนชื่อที่จีเสี่ยวจื่อลงนั้นคือเสี่ยวจื่อ ภูมิลำเนาก็มาจากเมืองดาราจันทราเช่นกัน เห็นได้ชัดเจนเลยว่าก็เขาไม่อยากเปิดเผยตัวตนของตนเอง
“ศิษย์พี่ ท่านต้องอยู่เหนือเจ้าหมอนั่นให้ได้นะ”เมื่อมาถึงทางเข้าของเส้นทางดารา จีเสี่ยวจื่อจึงพูดอย่างตื่นเต้นดีใจเล็กน้อย
นี่ก็เป็นครั้งแรกที่นางมาฝ่าด่านบนเส้นทางดาราเช่นกัน เฝ้ารอคอยมาก ๆ ว่าผลการทดสอบตัวเองจะเป็นอย่างไร
แต่ทว่าจีเสี่ยวจื่อเข้าใจดีมาก ๆ ว่าตัวเองน่าจะเทียบเคียงกับหยุนเทียนหยูและหลัวซิวไม่ได้ แต่อย่างน้อยผลการทดสอบก็น่าจะไม่แย่เท่าไหร่นัก
“ข้าจะพยายามทุ่มสุดกำลังสามารถ”
หลัวซิวอมยิ้มทีหนึ่ง ก่อนจะย่างเท้าเดินเข้าไปภายในเส้นทางดาราที่มืดสนิทดุจหลุมดำนั่น
เสี้ยววินาทีที่ร่างกายเดินเข้าไปในหลุมดำ ภาพเหตุการณ์บริเวณรอบ ๆ หลัวซิวก็ปรวนแปรอย่างรวดเร็ว ข้างหน้ามีเส้นทางหนึ่งปรากฏ ซึ่งมันตรงดิ่งและคดเคี้ยวมาก มองไม่เห็นสุดเขตปลายทางเลย