ทว่าทันใดนั้นเอง ทั่วทั้งลานกว้างก็ได้เงียบสงบลง!
เพราะซิวหลัวที่เดิมทีมีอันดับรายชื่ออยู่ในอันดับที่สามของอันดับราชาเทพนั้น พลันได้เปลี่ยนไปอยู่ในอันดับที่หนึ่งเสียแล้ว แต่ทว่าในวินาทีต่อมา ชื่อของเขาก็ได้หายไป!
หายไปแล้ว? นี่หมายความว่าอย่างไร? พูดได้ว่าผู้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันทราบเป็นอย่างดี
มีเพียงชีวิตดับสูญ รายชื่อถึงจะถูกลบออกไปจากอันดับราชาเทพ!
……
บนเส้นทางดารา หลัวซิวได้ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นที่มุมปาก เพราะป้ายประจำตัวที่ห้อยอยู่ที่เอวของเขาได้หายไปเสียแล้ว
ป้ายที่หายไปนั้นเป็นป้ายที่เขาใช้ลงทะเบียนอยู่ที่ปากทางเข้า ในเส้นทางดาราที่เขาเดินผ่านมาเมื่อสักครู่นั้นเต็มไปด้วยเปลวเพลิง ป้ายประจำกายของเขาจึงได้ถูกเปลวเพลิงเผาผลาญไปกลายเป็นขี้เถ้า
“คนโดยทั่วไปเมื่อทะลวงเส้นทางดาราล้วนเป็นไปไม่ได้ที่ป้ายประจำตัวจะถูกทำลาย เพราะทุกคนต่างก็ต้องการมีคะแนนที่ดีบนอันดับราชาเทพ และจุดประสงค์เดียวที่เขาเข้ามาในนี้ ก็คือจะต้องเอาชนะหยุนเทียนหยูให้ได้ เพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับท่านอาจารย์”
หลัวซิวกล่าวพึมพำกับตัวเอง หลัวซิวเกรงว่าป้ายประจำตัวถูกทำลายแล้ว ชื่อของเขาอาจจะหายไปจากอันดับราชาเทพแล้ว คาดว่าคงมีผู้คนมากมายที่คิดว่าเขาได้ตายอยู่ในเส้นทางดาราไปเสียแล้ว
ส่ายศีรษะ หลัวซิวได้หยุดคิดเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ป้ายประจำกายถูกทำลายนั้นเป็นเรื่องเล็ก
“ตอนนี้เกือบจะถึงด่านที่เจ็ดสิบสี่แล้วสินะ? เหมือนว่าหยุนเทียนหยูทะลวงได้ถึงระดับที่เจ็ดสิบ?”
“เส้นทางดารานี้ มีทั้งหมดกี่ด่านกันแน่ มีจุดสิ้นสุดหรือไม่?”
หลัวซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย วินาทีนี้ เขามีความคิดที่จะทะลวงไปจนถึงจุดสิ้นสุดเพื่อสำรวจความลึกลับมหัศจรรย์ของเส้นทางดารา
แม้แต่ยอดอัจฉริยะของมหาโลกาแห่งหนึ่งก็ยังทะลวงได้ถึงประมาณด่านที่เจ็ดสิบเท่านั้น สามารถจินตนาการได้ว่าเมื่อเส้นทางดารามาถึงตรงนี้ ความยากในการทะลวงด่านนั้นได้มาถึงจุดที่ยากที่จะจินตนาการได้แล้ว
ต่อให้เป็นผู้ที่มีความสามารถในระดับหลัวซิว ก็สัมผัสได้ถึงความกดดันเช่นเดียวกัน
ทว่ายิ่งมีความกดดัน ก็ยิ่งทำให้หลัวซิวรู้สึกตื่นเต้น เพราะประสบการณ์ที่เขามีต่อการฝึกยุทธ์ ก็คือมีความกดดันถึงจะมีแรงผลักดัน มีเพียงอยู่ภายใต้ความกดดันถึงขีดสุด ถึงจะสามารถบีบรัดพลังแฝงที่แฝงอยู่ในตัวออกมาได้!
ครืนนน……
ลำแสงแห่งกฎแผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้า น้ำไฟกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น พายุโหมกระหน่ำฟ้าฟาดเปรี้ยง ๆ หยินหยางแปรปรวน
หลัวซิวบุกผ่านไป แม้แต่เขาเองก็ยังได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แต่อาศัยความสามารถในการรักษาบาดแผลที่มหัศจรรย์ของร่างอมตะ เขาจึงไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต
ดาราหยั่งรู้ ผลการฝึกตนไร้ขอบเขต ร่างอมตะ คล้ายกับการทดสอบของการทะลวงด่านแบบนี้ พูดว่าหลัวซิวมีข้อได้เปรียบในหลายด้านเลยทีเดียว
……
สำนักไท่หมิง เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับจ้าวมหาเทพของมหาโลกายอดอัมพร ในบรรดากองกำลังระดับจ้าวมหาเทพเทพมากมาย สามารถขนานนามว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ เพราะอย่างไรเสียก็เป็นยอดกองกำลังที่มีผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพคอยประจำการ
เรือรบดาราลำหนึ่งได้ลอยขึ้นมาจากสำนักไท่หมิง ลอยมุ่งหน้าไปทางที่เส้นทางดาราตั้งอยู่
ภายในห้องโดยสารที่หรูหราที่สุดห้องหนึ่งบนเรือ มีบุรุษหนุ่มท่าทางอ่อนโยนผู้หนึ่งนั่งอยู่
“ท่านชายหยุนเรียกข้ามามีเรื่องอันใดหรือ?”
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งได้เดินเข้ามา และโค้งคารวะบุรุษหนุ่มผู้นั้นอย่างนอบน้อม
ชายวัยกลางคนผู้นี้มีผลการฝึกตนในแดนมกุฎเทพ ทว่ากลับมีท่าทางเคารพนอบน้อมเมื่อได้เผชิญหน้ากับบุรุษหนุ่มที่มีผลการฝึกตนเพียงแค่ในแดนราชาเทพผู้นี้
บุรุษหนุ่มผู้นั้นยิ้มอ่อน ๆ “ได้ยินว่าเจ้าได้พาสตรีนางหนึ่งไปจากสำนักเซียนเทียนหยุนเมื่อหลายปีก่อน มีคุณสมบัติของร่างกายที่พิเศษและหาได้อยาก อย่างร่างสองชาติ?”
เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป “มีเรื่องเช่นนี้อยู่จริง ทว่าสตรีนางนั้นกลับไม่ใช่คนที่มีร่างสองชาติจริง ๆ แต่เป็นเพราะได้ฝึกฝนวิชาแห่งชะตาอย่างหนึ่งและได้จดจำเรื่องราวเมื่อชาติก่อนขึ้นมาได้โดยบังเอิญ ดังนั้นจึงคล้ายกับร่างสองชาติ”
“ข้าต้องการสตรีนางนี้ เจ้าไปเอาตัวนางมา” บุรุษหนุ่มมีท่าทางสนอกสนใจขึ้นมา