มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 1866

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1866

ระหว่างที่กล่าวอยู่นั้น สตรีชุดดำก็ได้ยื่นมือชี้ออกไป นิ้วมือที่เรียวขาวดั่งหยก พลันกลายเป็นเถาวัลย์สีดำสนิท มีหนามอยู่เต็มไปหมด สยดสยองน่าขนลุกขนพอง

“พรึ่บ!”

หลัวซิวก็ได้ใช้ตัวสำนึกขับเคลื่อนกระบี่ไร้เงาและดาบเงาสายฟ้าขึ้นมาทันที

ตูม!

เสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวดังสนั่นหวั่นไหว ระลอกคลื่นพลังหมุนปั่นป่วนออกไปรอบทิศ หลัวซิวปกป้องหงเฟยที่อยู่ในอ้อมแขนเอาไว้ อาศัยดาราหยั่งรู้ฝืนรับการโจมตีทางวิญญาณจากไอสังหารอันแรงกล้าอีกครั้ง

เปาะ!

ดาบเงาสายฟ้าส่องเสียงดังเปาะแปะออกมา กระบี่ไร้เงาเองก็ได้ถูกเถาวัลย์สีดำม้วนสะบัดออกไป เถาวัลย์สะบัดเป็นเส้นตรงอยู่ชั่วขณะ เสียงเพี๊ยะดังขึ้น ฟาดลงไปบนหลังของหลัวซิว

เลือดสาดกระเด็นไปทุกทิศ ต่อให้ร่างยุทธ์ร่างเนื้อของหลัวซิวสามารถทัดเทียมได้กับศัสตราวุธราชา แต่ก็ถูกฟาดจนผิดแตก เลือดสด ๆ สาดกระเซ็นไปทั่ว

ผลัวะ!

กระอักเลือดออกมาคำโต หลัวซิวขับเคลื่อนปีกเทพไร้มลทิน และบินมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่อยู่ห่างไกลออกไป

ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้กล่าวกับหงเฟยที่อยู่ในอ้อมแขนผ่านทางตัวสำนึก “อีกเดี๋ยวข้าจะฉีกปริภูมิของค่ายกลเพื่อส่งเจ้าออกไป หลังจากที่ออกไปแล้วให้เจ้าหนีไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด”

“แล้วเจ้าเล่า?” หงเฟยมองหลัวซิวด้วยความประหลาดใจ คำพูดของสตรีชุดดำในเมื่อสักครู่นางได้ยินแล้ว รู้ว่าชายสวมหน้ากากสีเลือดที่กอดตัวเองอยู่ผู้นี้ ก็คือคนที่บอกว่าเคยเป็นสามีของตนเองมาก่อนคนนั้น

ที่จริงแล้วความรู้สึกที่มีต่อหลัวซิว หงเฟยเองก็สับสนเช่นกัน เพียงแต่ว่ามีสาเหตุมาจากความดื้อรั้นที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจก้อนนั้น นางไม่ชอบให้คนอื่นมากชักจูงการตัดสินใจและชีวิตของตัวเอง บวกกับที่ความทรงจำที่ผ่านมานั้นไม่อาจฟื้นฟูได้ ต่อให้ทุกคนต่างบอกกับตนว่านางเป็นภรรยาของหลัวซิว ทว่าตัวนางเองกลับไม่มีความรู้สึกเช่นนั้น แล้วจะกลับไปที่ข้างกายของเขาได้อย่างไร?

“เจ้าหนุ่ม คราวนี้เจ้าหนีไปไม่ได้หรอก”

ความเร็วในการเคลื่อนไหวของสตรีชุดดำนั้นเร็วกว่าเขามากนัก ทันใดนั้นเองเถาวัลย์สีดำก็ได้พุ่งขึ้นมาจากพื้นที่อยู่ด้านล่าง เมื่อเหยียดตรงก็เป็นเหมือนกับกระบี่ที่แหลมคมสีดำเล่มหนึ่ง พุ่งเข้าไปหาหลัวซิวที่อยู่กลางอากาศ

ใช้กฎห้วงเวลามาผูกมัดเถาวัลย์สีดำที่โจมตีเข้ามา แม้ว่าจะหลบการโจมตีซึ่ง ๆ หน้าไปได้ ไอสังหารที่แฝงอยู่ด้านในก็ยังคงได้ส่งผลกระทบสู่วิญญาณหยั่งรู้ของเขาอยู่ดี

“วัฏสงสารนิพพาน!”

ไม่มีหอกอยู่ในมือ ทว่าหลัวซิวกลับได้ใช้หมัดของตนแทนหอกยุทธ์ แสดงพลังวิชาอมตะที่เขาสร้างขึ้นมาเองออกมา

แตกต่างจากพลังอมตะที่เขาเคยสร้างขึ้นมาเมื่อก่อนหน้านี้ ความมหัศจรรย์ที่แฝงอยู่ในพลังอมตะชุดนี้เป็นพลังอมตะที่เหนือกว่าจ้าวมหาเทพ เพราะในพลังอมตะชุดนี้ ได้แฝงเอาไว้ด้วยความมหัศจรรย์ของวัฏจักร

ฉับพลันทันใด ราวกับว่ามีวัฏจักรขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้น ทว่ากลับได้สลายหายไปภายใต้ระลอกคลื่นอันน่าตกตะลึง กลับคืนสู่ความว่างเปล่า

ครืนนนน……

ภายในหนึ่งหมัด ปริภูมิค่ายกลได้ฉีกขาดออกเป็นช่วงโหว่ หลัวซิวได้เหวี่ยงหงเฟยที่อยู่ในอ้อมแขนออกไปจากช่วงโหว่ที่ฉีกขาดอย่างไม่ลังเล

วินาทีที่ร่างกายของตนถูกหลัวซิวโยนเข้าไปในรอยแยกของค่ายกล หงเฟยหันกลับไปมอง พบว่าหลัวซิวได้ถอดหน้าจากออกแล้ว และกำลังมองตัวเองด้วยรอยยิ้ม

เปาะ!

หงเฟยเห็นดาบเงาสายฟ้าแตกหัก จากนั้นเถาวัลย์สีดำสองเส้นก็ได้เหยียดตรงเป็นเหมือนดั่งกระบี่เทพ แทงทะลุร่างกายของหลัวซิว แทงเขาเอาไว้กับพื้นอย่างแรง

“ไม่!……”

วินาทีนั้นเอง หงเฟยเหมือนได้เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา เป็นที่ประจักษ์ว่าหลัวซิวไม่มีความมั่นใจที่จะหนีออกมาพร้อมกันทั้งสองคนได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกให้นางไป ส่วนตนเองอยู่เผชิญหน้ากับอันตราย

หลังจากที่หนีออกมาจากค่ายกล หงเฟยมิได้คิดจะบุกเข้าไปอย่างไร้สติ เพราะนางทราบดีว่าที่ตนสามารถออกมาได้ เป็นเพราะหลัวซิวได้พยายามสุดชีวิตเพื่อส่งตนออกมา

“ใช่สิ อาจารย์ของเขาคืออาจารย์จีเสวียนคง ขอเพียงเชิญอาจารย์จีเสวียนคงมาได้ จะต้องสามารถช่วยเขาได้อย่างแน่นอน!”

หงเฟยเอาของขลังนภาเวหาออกมา และมุ่งหน้าไปยังจตุรัสดาราอย่างเร็วที่สุด

……

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท