“เดินทางผิด จะเปลี่ยนตอนนี้ก็ยังทัน ไม่เช่นนั้นหากต่อไปคิดจะเปลี่ยนก็คงไม่ทันแล้ว”
ความรู้สึกของตัวมรณานั้นพูดได้ว่าเตือนปากเปียกปากแฉะด้วยความหวังดี เขาคิดว่าหลัวซิวนั้นโลภมากเกินไปจริง ๆ บนโลกใบนี้จะมีคนเดินในเส้นทางที่เหนือกว่าวัฏจักรได้อย่างไร?
เหนือกฎฟ้าดิน คือกฎความเป็นระเบียบ ส่วนวัฏจักรนั้นได้ควบคุมความเป็นระเบียบของกฎฟ้าดินในจักรวาล นับว่าเป็นพลังแห่งการจัดระเบียบกฎแล้ว พูดได้ว่าอยู่เหนือเทียนเต้า
สำหรับมวลสิ่งมีชีวิตที่ไร้ขอบเขต เทียนเต้าก็สูงเกินกว่าจะเอื้อมถึงแล้ว สามารถเหนือกว่าตัวเทียนเต้าเองได้ก็นับว่าถึงขีดจำกัดแล้ว
“ตัวมรณา ถึงแม้จะต้องขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยข้าเอาไว้ในครั้งนี้ แต่ข้าหวังว่าต่อไปเจ้าจะไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดของข้าอีก”
ท่าทีของหลัวซิวยังคงหนักแน่นเหมือนเดิม เขาสามารถเดินมาจนถึงระดับนี้ได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ แค่สองปีกว่า ๆ นอกเหนือจากโอกาสและพรสวรรค์ของตัวเขาเองแล้ว ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับความมุ่งมั่นที่หนักแน่นของเขา
คนที่มีปณิธานหนักแน่นผู้หนึ่ง เมื่อได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงง่าย ๆ อย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นแล้วจอมยุทธ์ฝึกเต๋า เดิมทีก็จะต้องหนักแน่นในเต๋าของตนเอง ถ้าหากจอมยุทธ์คนหนึ่งไม่สามารถยืนหยัดได้แม้กระทั่งเต๋าของตนเอง คิดจะวางมือเมื่อเจอกับอุปสรรคและความยากลำบาก แล้วจะไล่ตามจุดสูงสุดของวิถีแห่งยุทธ์ได้อย่างไร?
สำหรับเรื่องที่ฝึกฝนวิถีวัฏจักรจนถึงขีดสุดได้นั้นก็จะไร้เทียมทานในดาราจักรวาล ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน หลัวซิวคงเชื่อโดยไม่สงสัย และมีความเป็นไปได้มากที่จะเดินตามคำแนะนำของตัวมรณา
แต่หลังจากที่เขาได้สัมผัสหลายสิ่งหลายอย่างมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่หลังจากที่ต่อมายังได้ฝึกฝนเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าและเคล็ดวิชาจุดลมปราณรวมทั้งเศษคัมภีร์อมฤตกับคัมภีร์โอสถเทวกลั่นวิญญาณ ความคิดของหลัวซิวก็ได้ค่อย ๆ เปลี่ยนไป
ถ้าหากวัฏสงสารโบราณไร้เทียมทานจริง ๆ แล้วเหตุใดถึงได้ล่มสลาย? เพราะเป็นไปไม่ได้ที่วัฏสงสารโบราจะพังทลายลงเอง เช่นนั้นก็จะต้องถูกคนทำให้พังลงอย่างแน่นอน นี่ยังเรียกว่าไร้เทียมทานอีกหรือ?
สำหรับหลัวซิวแล้ว อะไรคือไร้เทียมทานอย่างแท้จริง?
นั่นก็คือจักรวาลฟ้าดิน ห้วงดาราที่กว้างใหญ่ไพศาล มีข้าเพียงคนเดียวที่ยิ่งใหญ่!
ตัวมรณาทอดถอนใจ เขาเข้าใจว่ายากที่ตนจะสามารถเปลี่ยนความคิดของหลัวซิวได้ ด้วยเหตุนี้การขับเคลื่อนตำหนักวัฏสงสารในครั้งนี้นั้นทำให้เสียพลังมากจนเกินไป ดังนั้นเขาจึงได้เข้าสู่การหลับใหล ต้องใช้เวลานานถึงจะฟื้นฟูและตื่นขึ้นมาอีกครั้งได้
“ข้าสามารถช่วยเจ้าได้หนึ่งครั้ง แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถช่วยเจ้าครั้งที่สองได้ หากเจ้าไม่สามารถเติบโตขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว เช่นนั้นก็ต้องมีสักวัน เจ้าจะถูกคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเจ้าสังหาร พอถึงตอนนั้นหากเจ้าคิดเสียใจภายหลัง มันก็สายเกินไปเสียแล้ว”
ก่อนที่จะหลับใหลไป ตัวมรณายังคงโน้มน้าวหลัวซิวอีกครั้ง ทว่าว่าหลัวซิวกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใด ๆ เลย
ตัวมรณาหลับใหลไป ส่วนหลัวซิวได้นอนอยู่ในตำหนักวัฏสงสารเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
ความแข็งแกร่งเหนือธรรมชาติของร่างอมตะถูกสะท้อนออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึงสองวัน หลัวซิวก็รู้สึกว่าอาการบาดเจ็บของตนเองได้หายดีจนแทบหมดแล้ว
มีเคล็ดวิชาที่สามารถปรับชีพจรอย่างเศษคัมภีร์อมฤต เขาไม่ต้องกังวลเลยว่าชีพจรของตนจะได้รับความเสียหาย แม้ว่าร่างอมตะจะไม่สามารถฟื้นฟูความเสียหายของตัวหยั่งรู้ได้ แต่มีเคล็ดเทวกลั่นวิญญาณอยู่ในมือ ตราบใดที่ตัวหยั่งรู้ไม่ได้รับความเสียหายหนักจนเกินไป หลัวซิวก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
มีเคล็ดวิชาล้ำเลิศอยู่ในมือมากมาย หลัวซิวรู้สึกว่าสถานการณ์ของตนเองสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ สิ่งเดียวที่ยังบกพร่องอยู่ก็คือเขาได้ฝึกวรยุทธ์และเคล็ดวิชาเพิ่มมากมายเช่นนี้ ความลำบากในการเพิ่มระดับผลการฝึกตนของเขา ก็จะยิ่งสูงขึ้น
พูดถึงเพียงแค่ว่าขั้นที่สองของเคล็ดแสงดาวเทียนเต้า หากต้องการฝึกฝนจนถึงขั้นบริบูรณ์ จะต้องใช้ยาเซียนระดับเก้าที่ผู้แข็งแกร่งราชาเทพใช้ในการฝึกตน ทรัพยากรโดยรวมที่ใช้ไป พูดได้แม้กระทั่งว่าสามารถปลูกฝังราชาเทพขั้นสูงสุดได้นับพันนับหมื่นเลยทีเดียว!