มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1884
“พวกขยะในตระกูลตวนมู่ก็ยังนึกว่าตนเองกระทำถูกต้องอย่างแน่แท้อีกเช่นเคย”
เมื่อหลัวซิวไปถึงตรงกลางสนามจัตุรัสเส้นทางดารา เขาก็พบว่ามีคนจำนวนมากได้รวมตัวกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้แล้ว
จีเสวียนคงดูถูกเหยียดหยามต่อสิ่งนี้มาก เนื่องจากในอดีตทุกครั้งที่ผู้คนในตระกูลตวนมู่ท้าประลองวิถียากับเขา ก็จะสร้างสถานการณ์เช่นนี้มาโดยตลอด ทว่าทุกครั้งพวกเขาก็แพ้พ่ายอยู่ในกำมือตนและกลับไปพร้อมกับความพ่ายแพ้อยู่ดี
“อาจารย์เสวียนคง”
เมื่อเห็นว่าจีเสวียนคงมาถึงแล้ว คนจำนวนมากจึงต่างพากันทำท่าคาราวะมาทางนี้ แม้แต่เหล่าผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพที่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ก็เกรงอกเกรงใจมากเช่นกัน เท่านี้ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของจีเสวียนคงที่อยู่ในฐานะมหาปรมาจารย์ยาเซียนแล้ว
กิริยาท่าทางของผู้แข็งแกร่งจากแดนต่าง ๆ ที่ปฏิบัติต่อจีเสวียนคงทำให้ผู้คนในตระกูลตวนมู่รู้สึกไม่พอใจมาก เนื่องจากเดิมทีเกียรติยศเช่นนี้มันเป็นของตระกูลตวนมู่ของพวกเขามาโดยตลอด
ผู้คนในตระกูลตวนมู่ไม่ได้ไปทักทายจีเสวียนคง ส่วนจีเสวียนคงนั้นก็เบื่อที่จะไปสนใจคนเหล่านั้นเช่นกัน เดินหาที่นั่งแล้วนั่งลงคนเดียว ส่วนจีเสี่ยวจื่อนั้นก็ยืนอยู่ข้างกายเขาอย่างน่ารัก
ในโอกาสเช่นนี้ ผู้ที่มีคุณสมบัติเชิญเข้าประจำที่นั้นมีเพียงจักรพรรดิเทพเท่านั้น มาตรแม้นว่าเป็นจ้าวมหาเทพก็ต้องยืน
“เฒ่าประหลาดตวนมู่ ข้าว่าตระกูลตวนมู่ของพวกเจ้ายิ่งอยู่ยิ่งถดถอยแล้วหรือ? ประลองและเอาชนะข้าไม่ได้ จึงพยายามเอาชนะตัวลูกศิษย์ข้าแทน?”
หลังจากเข้าประจำที่แล้ว จีเสวียนคงจึงมองไปทางผู้อาวุโสคนหนึ่งในตระกูลตวนมู่อย่างไม่เกรงใจ ภายในคำพูดยิ่งมีความเยาะหยันปนอยู่อย่างเห็นได้ชัด
เมื่อพ่นคำพูดดังกล่าวออกมา ลูกศิษย์จำนวนมากของตระกูลตวนมู่ที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างก็พากันพิโรธอย่างมาก ทว่าคนที่พูดคำพูดดังกล่าวคือจีเสวียนคง นอกเหนือจากอาจารย์แล้ว คนอื่นที่เหลือกลับไม่มีผู้ใดมีสิทธิ์พูดคุยตัวต่อตัวกับจีเสวียนคง
“เฒ่าประหลาดจีเจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? นี่เป็นการประลองอย่างยุติธรรมของเด็กรุ่นใหม่ หรือว่าลูกศิษย์ของเฒ่าประหลาดจีอย่างเจ้าแพ้ไม่เป็น?”บรรพอาจารย์ตวนมู่ทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นแล้วพูด
“น่าขำชะมัด ผู้คนใต้หล้านี้มีผู้ใดไม่ทราบบ้างว่าตกลงผู้ใดกันแน่ที่แพ้ไม่เป็น?”จีเสวียนคงยิ้มเยาะเย้ย “ได้ยินมาว่าตระกูลตวนมู่ของพวกเจ้ากำเนิดอัจฉริยะวิถียาที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งรึ เจ้ากล้าเดิมพันกับข้าไหมเล่า?”
จีเสวียนคงไม่มีความคิดที่จะทำสงครามปากกับบรรพอาจารย์ตวนมู่ จุดประสงค์ที่เขาหยิบยกหัวข้อสนทนาขึ้นมานั้น ก็เพื่อจะหลอกต้มตระกูลตวนมู่อีกครั้ง
จะว่าไปตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลตวนมู่ก็เคยมาท้าประลองเขาหลายครั้งแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าวของเขา สีหน้าของบรรพอาจารย์ตวนมู่จึงหม่นหมองลงไปถึงขีดสุด ราวกับนึกย้อนกลับไปถึงประสบการณ์ที่เคยถูกหลอกต้มในอดีต
บรรพอาจารย์ตวนมู่เข้าใจดีมาก ๆ ว่าการที่จีเสวียนคงบอกว่าจะเดิมพันนั้นต้องประสงค์ร้ายแน่นอน แต่ทว่าเขากลับมั่นใจในศักยภาพของตวนมู่ชางมาก ๆ อย่างไรเสียนั่นก็เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในวิถียาเชียวนะ สมญานามอาจารย์ยาเซียนที่หนุ่มที่สุดนั้นไม่ได้ได้มาโดยเสียเปล่า
เข้าใจดีมากว่าตราบใดที่จีเสวียนคงยังมีชีวิตอยู่ การที่ตระกูลตวนมู่อยากจะช่วงชิงเกียรติยศของคนทั้งตระกูลกลับมานั้นมันเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ดังนั้นตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ทางตระกูลจึงนำกำลังแรงทั้งหมดบ่มเพาะอยู่บนตัวตวนมู่ชาง ในเมื่อคนรุ่นอาวุโสทำไม่ได้ เช่นนั้นก็บ่มเพาะอัจฉริยะรุ่นหลังออกมาหนึ่งคน และทำให้อยู่เหนือจีเสวียนคงในวันใดวันหนึ่ง แล้วนำเกียรติยศของนักยาเซียนอันดับหนึ่งกลับคืนสู่ตระกูลตวนมู่
“เจ้าอยากเดิมพันอย่างไร?”บรรพอาจารย์ตวนมู่ถามกระแทกเสียงต่ำ
ขอแค่ครั้งนี้ตวนมู่ชางสามารถคว้าชัยชนะได้ เช่นนั้นการปะทะด้านวิถียาระหว่างตระกูลตวนมู่และจีเสวียนคงตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ก็จะถือว่ากอบกู้ภาพลักษณ์หน้าตากลับคืนมาได้ครั้งหนึ่งโดยแท้จริง
“สหายหลัว ในเมื่ออาจารย์ข้าและอาจารย์เจ้าจักเดิมพันกัน เช่นนั้นเราก็มาเดิมพันกันสักตั้งหน่อยเป็นอย่างไร?”
และในเวลานี้เอง ตวนมู่ชางก็มองไปทางหลัวซิวกะทันหัน อมยิ้มมุมปากพลางถามอย่างสุภาพอ่อนโยน
“เหอะ ๆ แซ่หลัวก็มีความตั้งใจเช่นนี้อยู่พอดี ไม่ทราบว่าพี่ตวนมู่อยากเดิมพันอะไรเล่า?”หลัวซิวก็ยิ้มพลางถาม