มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 1899

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1899

ตั้งแต่ที่มาถึงมหาโลกายอดอัมพรเป็นต้นมา นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกเช่นกันที่หลัวซิวได้ยินมหาจักรพรรดิยุทธ์ในยุคปัจจุบัน

แม้ในประวัติศาสตร์ของกาลเวลาที่ยาวนาน การถ่ายทอดสืบสานของผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์จะหายสาบสูญไปแล้ว ไม่คงอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่ในทุก ๆ มหาโลกาก็มีจำนวนผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพหลักหน่วยถึงหลักสิบอยู่

และในบรรดาจักรพรรดิเทพทั้งหมดนั้น มีเพียงหลีจ้านเทียนเท่านั้นที่ถูกยกย่องว่าเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ เท่านี้ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าศักยภาพของมหาจักรพรรดิยุทธ์คนนี้แข็งแกร่งและน่าสยดสยองมากเพียงใดแล้ว

ตั้งแต่โบราณกาลมา มหาจักรพรรดิยุทธ์ทุกคนล้วนเป็นผู้ปกครองใต้หล้า มาตรแม้นว่าเป็นสำนักจักรพรรดิที่เคยมีกาลเวลาอันรุ่งโรจน์ ก็ไม่กล้าขัดต่อความเกรียงไกรของมหาจักรพรรดิยุทธ์ในยุคปัจจุบัน

เมื่อมองจากมุมมองความหมายบางอย่างแล้ว สามารถพูดได้เลยว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์เป็นผู้ปกครองในนามของมหาโลกาพันสาม แต่ทว่านอกเหนือจากมหาโลกาที่มหาจักรพรรดิยุทธ์คงอยู่ อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาโดยสิ้นเชิงแล้ว กองกำลังในมหาโลกาอื่น ๆ ที่เหลืออีกมากมายล้วนเหมือนอำนาจราชศักดิ์ที่ถูกยึดและแยกปกครอง

หลัวซิวลูบ ๆ แหวนเก็บของที่สวมอยู่บนนิ้วตัวเอง ช่วงสามวันที่ผ่านมานี้เขาก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาสูญเปล่าเช่นกัน มียาเซียนที่จีเสวียนคงจัดเสนอให้ เขาจึงกลั่นโอสถมกุฎเซียนได้ไม่น้อยเลย

นอกเหนือจากส่วนที่เขากลั่นด้วยตนเองแล้ว จีเสวียนคงยังลงมือช่วยเขากลั่นด้วยตนเองได้อีกสองเตา ซึ่งทุกเม็ดล้วนเป็นชั้นยอด

เมื่อมียาเหล่านี้แล้ว หลัวซิวมั่นใจว่าสามารถยกระดับผลการฝึกตนขึ้นไปถึงเทพฟ้าขั้น 9 ได้ แล้วก็จุดลมปราณบนแขนขวาเขาก็น่าจะสามารถเปิดถึงจุดที่ 15 ได้เช่นกัน

ในส่วนของการอยากให้ผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนราชาเทพนั้น กลับมีสัญชาตญาณอย่างหนึ่งบอกกับหลัวซิวว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อย่างใด ทว่าหากอาศัยโอสถมกุฎเซียนเพียงอย่างเดียวละก็ เกรงว่าโอกาสที่จะบรรลุนั้นจะต่ำมาก ๆ ซึ่งจำเป็นต้องมีโอกาสและโชคอื่น ๆ

อ้างอิงจากคำพูดของจีเสวียนคง ไม่มีผู้ใดทราบอย่างแน่ชัดเลยว่าแดนเทวนิรันกาลจะเปิดนานเท่าไหร่ มีเพียงเมื่อแดนเทวนิรันกาลหายไป ตราบใดที่ทุกคนที่เข้าไปภายในไม่ตาย เมื่อมาจากที่ใดก็จะถูกส่งออกมา ณ ที่นั้น

เป้าหมายของทุกคนที่เข้าไปในแดนเทวนิรันกาลล้วนผนึกไปที่สมบัติสามชิ้นนั้น แต่ทว่าคนในมหาโลกาพันสามมีเกือบแสน สมบัติกลับมีเพียงสามชิ้น สุดท้ายวิธีการของผู้ใดจะเหนือกว่านั้น เป็นสิ่งที่พูดได้ยากมาก

โควต้าสิบที่ของมหาโลกายอดอัมพร นอกเหนือจากตัวหลัวซิวแล้ว ยังมีหยุนเทียนหยูจากหอยอดอัมพร รวมไปถึงตวนมู่ชางจากตระกูลตวนมู่ ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นหลัวซิวก็สัมผัสได้แล้วว่าตวนมู่ชางปลดปล่อยจิตสังหารมาที่ตัวเอง

ในส่วนของหยุนเทียนหยูนั่น หลัวซิวก็สัมผัสเจตนาร้ายจากตัวเขาได้เช่นกัน

ดังนั้นหลัวซิวจึงเห็นด้วยกับคำพูดของอาจารย์มาก รอหลังจากที่เข้าไปแดนเทวนิรันกาลแล้ว เกรงว่านอกเหนือจากตัวเขาเอง คนอื่นที่เหลือล้วนมีโอกาสกลายเป็นศัตรูของตัวเอง

หลังจากระยะเวลาผ่านพ้นไปอีกหลายวันโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ในที่สุดเรือรบดาราก็มาถึงละแวกแดนเทวนิรันกาลสักที

ยืนอยู่บนชั้นดาดฟ้าของเรือรบแล้วเบิ่งมองออกไปไกล ๆ แดนเทวนิรันกาลไม่ใช่พื้นที่ที่พิเศษแต่อย่างใด และไม่ใช่ดาวเคราะห์ที่มหัศจรรย์หนึ่งดวงเช่นกัน แต่เป็นห้วงดาราที่ตัดขาดกับโลกภายนอก

ใช่แล้ว เมื่อดูจากข้างนอก แดนเทวนิรันกาลคือกลุ่มดาวที่คล้ายกลุ่มก้อนเมฆบนท้องฟ้ากลุ่มหนึ่ง เหมือนดั่งกลุ่มดาวฤกษ์ที่สมบูรณ์แบบ ภายในมีดาวเคราะห์ที่เยอะมากจนนับไม่ถ้วน!

แม้แต่หลัวซิวเองก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างอย่างควบคุมไม่ได้ แดนเทวนิรันกาลที่เทียบเท่ากลุ่มดาวฤกษ์กลุ่มหนึ่ง การจะตามหาสมบัติสามชิ้นในสถานที่เช่นนี้นั้น มันจะยากลำบากมากเพียงใด?

ไม่เพียงแค่หลัวซิวเท่านั้น คนอื่นที่เหลือก็ต่างรู้สึกเช่นเดียวกัน ในขณะเดียวกันก็เข้าใจแล้วว่าตลอดกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านพ้นมา เหตุใดถึงไม่มีผู้ใดสามารถตามหาสมบัติทั้งสามชิ้นนั้นได้เลย

ทันใดนั้นเอง จู่ ๆ เหล่าผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพนับสิบที่มีเจ้าหอยอดอัมพรและจีเสวียนคงเป็นผู้นำที่ยืนอยู่บนเรือรบดาราก็บินลอยขึ้นฟ้า

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท