ตอนที่ 29 ด่านยาก
ดวงตากลมโตของชูเซี่ยมองตามผีเสื้อนกนางแอ่นที่บิน ไปรอบๆ นางเห็นฝูงผีเสื้อนกนางแอ่นหลายตัวบินอวดโฉม ก็รู้สึกเสียดาย “ถ้ามีกล้องถ่ายรูปก็คงดี”
หลี่เฉินเย่นยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “หญ้าหลินเฉ่ายังหามิ พบ เจ้ายังคิดจะกินไก่อีกหรือ”กล่าวจบเขาก็เดินเลี่ยงนาง ไปอีกทางทันที
ชูเซี่ยก็ร้องตะโกน”หญ้าหลินเฉ่ามักจะเติบตามซอกหิน ชั้นแฉะ พวกเราไม่จำเป็นต้องค้นหาข้างล่างแล้ว ปืนขึ้นไป หาข้างบนกันเถิด”นางชี้นิ้วขึ้นไปบนผาหินที่สูงชัน เกิดจาก การทับซ้อนกันของก้อนหินและแผ่นสีดำเหลืองหลายๆ ก้อน
“ปืนเขา เจ้าปีไหวหรือ”หลี่เฉินเย่นมองนางอย่าง ดูถูก”อย่าว่าแต่ปืนถึงยอดเขาเลย แม้แต่สามสิบเมตรเจ้าก็ มิไหวแล้ว”
ชูเซียไม่ได้โต้เถียงกับเขาให้เสียเวลา นางจัดการแบก กระเป๋าขึ้นหลัง ก่อนจะลงมือปืนทันที สักครู่ก็หันหน้ากลับมายิ้มให้เขา “ไม่นานความจริงก็จะปฏิบัติเอง ไปกัน เถิด!”
เนื่องจากหินแต่ละก้อนเป็นหินที่เปียกชื้นจึงทำให้ค่อน ข้างลื่น ในระหว่างที่ปืนนางก็คอยสอดส่องสายตามอง หาหญ้าหลินเฉ่าตามซอกหินว่ามีหรือไม่ หญ้าหลินเฉ่า จะว่าลักษณะธรรมดาก็ไม่ธรรมดา การจะมองหาให้พบ ท่ามกลางหญ้าชนิดอื่นๆไม่ใช่เรื่องง่าย
หลี่เฉินเย่นปืนตามหลังนาง เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็มองเห็น บั้นท้ายของนางเข้าพอดี”ห้ามเจ้าผายลมออกมานะ!”
ชูเซียแทบจะก้าวเท้าพลาด นางก้มลงมองเขาอย่างอึดอัด ใจ”คำพูดเช่นนี้ท่านควรเก็บไว้ในใจถึงจะถูก กล่าวคำพูด เช่นนี้ออกมาได้อย่างไรกัน”
หลี่เฉินเย่นไม่สนใจนางปืนต่อไปสิ จะพูดจาไร้สาระอยู่ ทำไม”
ชูเซี่ยหน้าเหวอ คนเริ่มพูดจาไร้สาระคือเขามิใช่หรือ
ปืนขึ้นไปเรื่อยๆ ชูเซียก็รู้สึกเจ็บแปลบบริเวณข้อมือของตน เมื่อก้มลงมองก็พบว่ามีปลิงตัวหนึ่งติดอยู่บนข้อมือ
ของนาง
“อ้า!”นางร้องออกมาอย่างตกใจ ก้าวขาพลาดตกลงไป ด้านล่างทันที
หลี่เฉินเย่นตกใจแทบสิ้นสติ ไม่มีเวลาไตร่ตรองอะไรอีก แล้ว เขารีบเอื้อมมือตวัดร่างของนางมาไว้ในอ้อมแขนได้ ทันท่วงที “เจ้าจะทำอะไร ตัวเองจะตายก็ช่าง อย่ามาสร้าง ความลำบากใก้ข้า!”
“มีปลิงอยู่ข้อมือข้า!”ซูเซียกอดชายหนุ่มไว้แน่นใบหน้า ใกล้จะร้องไห้ออกมาอย่างเสียขวัญ นางพยายามสะบัด หลายต่อหลายครั้ง ปลิงก็มีมีท่าทีว่าหลุดออกไป
หลี่เฉินเย่นยิ้มขำ ก่อนจะเอ่ย “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวมันดูด เลือดจนอิ่มก็ปล่อยเจ้าไปเอง”
ชูเซี่ยได้ยินก็ตัวแข็งที่อ นางขนลุกชูชันไปทั้งร่าง หันกลับ มาส่งสายตาข้อร้องเขา”ข้าขอร้องท่าน เอามันออกไปให้ ที!”
“ข้าช่วยมิได้หรอก เจ้าคิดหาวิธีเองเถิด”หลี่เฉินเย่นสบ โอกาสที่เมื่อวานนางแกล้งเล่าเรื่องผีให้เขากลัว นางมา ขอร้องเขา เขามิช่วยเสียอย่าง เมื่อคืนนางเสแสร้งทำเป็น ไร้เดียงสา เล่าเรื่องผีหลอกให้เขากลัว เขาก็จะทำให้นาง ได้ลิ้มรสความกลัวเสียบ้างจะเป็นไรไป
ชูเซี่ยนางใกล้จะร้องออกมาจริงๆแล้ว สิ่งที่นางกลัวที่สุด ในชีวิตมีเพียงสองอย่างคือ สัตว์ที่มีเมือกและสัตว์เลือด เย็นทุกชนิด
หลี่เฉินเย่นเห็นปากของนางเริ่มจะบิดเบัดวงตากลมโต มีน้ำตาคลออยู่เต็มพร้อมจะไหลลงมา ก็รู้สึกสาแก่ใจเล็ก น้อย เขาหยิบหินก้อนเล็กๆก้อนหนึ่งดีดไปที่ข้อมือเธอ ปลิงเจ้าปัญหาก็หยุดออกไป”บอกเจ้าแต่แรกแล้วมิใช่หรือ ว่ามิให้ตามมา หาเรื่องลำบากแท้ๆ”
เมื่อชูเซี่ยเห็นว่าเขาเอาปลิงตัวนั้นออกให้นางก็รู้สึกดีใจ เสียจนโผกายกอดชายหนุ่มตรงหน้าอย่างลืมตัว นางถึงกับ ร้องไห้ออกมาจริงๆ “ท่านเป็นคนดีมากจริงๆ ขอบใจท่าน มาก ขอบใจ”
หลี่เฉินเย่นแข็งที่อให้นางกอดเขาไว้อยู่เช่นนั้น เขามิคิด ว่านางจะร้องไห้ออกมาจริงๆ ยิ่งได้ยินนางเอ่ยปากชมว่า
เข้าเป็นคนดี เขาก็เกิดความรู้สึกละอายใจขึ้นมา ความสะใจเมื่อครู่หายวับไปแทนที่ด้วยความเอ็นดูและ สงสารจับใจ
ที่สำคัญยามนี้ทรวงอกนุ่มหยุ่นของนางแนบชิดติดอยู่กับ อกแกร่งของเขา ลมหายใจก็นางที่รินรดอยู่ที่ต้นคออีก เล่า แม้ร่างบอบบางในอ้อมกอดจะมิได้มีกลิ่นหอม ซ้ำมีแต่ กลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นใบไม้ใบหญ้า กล่าวได้ว่าเป็นหญิงสาว สกปรกนางหนึ่ง การกระทำที่อุกอาจของนาง กระตุ้นความ รู้สึกร้อนวูบวาบบริเวณท้องน้อย เขาไม่อยากผลักนางออก ไป แม้ว่าหญิงสาวในอ้อมกอดยามนี้จะเป็นคนเดียวกันกับ สตรีสูงศักดิ์ที่เขาเคยจงเกลียดจงชังมาก่อน
ในขณะที่หลี่เฉินเย่นตกอยู่ในภวังค์ความขัดแย้งใน ตนเองนั้น นางก็ค่อยๆคลายอ้อมกอดที่กกกอดเขาเมื่อครู่ นางยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดคราบน้ำตาและคราบสกปรกจาก ดินโคลนลวกๆ ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิงของนาง ยิ่งทำให้นางดูสกปรกมากขึ้น แต่ทว่าในสายตาของหลี่ เฉินเย่นภาพตรงหน้านับเป็นความงามที่แปลกประหลาด ภาพหนึ่ง นางเป็นความงดงามที่ตรงข้ามกับความงดงาม อย่างปราณีตที่เกิดจากการประทินโฉมอย่างสุดฝีมือ ลด การแต่งแต้มส่วนหนึ่ง ความงดงามตามธรรมชาติของนาง กลับเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน
นางยิ้มออกมาจนเห็นฟันสีขาว ดวงตาโค้งหยี คิ้วงอน งาม”ข้ามิเป็นไรแล้ว เราเดินทางกันต่อเถิด!”
ครานี้หลี่เฉินเย่นเป็นฝ่ายปืนนำขึ้นไปก่อน ก่อนจะแกล้ง ดูสตรีด้านหลังอย่างไม่จริงจังนัก”ต่อไป ไม่มีรับสั่งจากข้า ห้ามเจ้ากอดข้าส่งเดช
“ขออภัยเจ้าค่ะ เมื่อครู่ข้าตื้นตันจนควบคุมตนเองมิได้” นางเอ่ย
คำพูดที่กล่าวออกมาอย่างไร้เดียงสาของชูเซี่ย ทำให้หลี่ เฉินเย่นรู้สึกยินดีอย่างมาก ยามนี้เข้าลืมความรู้สึกที่เคยจง เกลียดจงชังนางไปเสียสิ้น ยามนี้เพียงแค่นางกล่าวออกมา ว่าเพราะตื่นตันนางจึงควบคุมตนมิให้กอดเขามิได้ เข้าก็รู้ ดีใจเสียแล้ว
การปีนเขายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ คราวนี้ชูเซี่ย ระมัดระวังมากยิ่งขึ้นนางคอยสังเกตดูข้างกายของตนเอง ตลอดเวลา นางเตรียมใจไว้แล้วว่าอย่างไรเสียก็ต้องปืนไป ให้ถึงยอดเขา ถ้าโชคดีพวกนางอาจจะได้พบหญ้าหลินเฉ่า ที่นั่น เพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสมแก่การเจริญเติบโต ของหญ้าหลินเฉ่ามากที่สุดแล้ว
เดิมหลี่เฉินเย่นฉีสามารถปีนป่ายได้เร็วกว่านางมากนัก หากแต่ เขาเกรงว่านางจะพลัดตกลงไปอย่างเมื่อครู่อีก เข้าจึงมิกล้าปีนำหน้านางไป ได้แต่คอยตามหลังนางเพื่อ ระวังความปลอดภัย
การตามหาสมุนไพรยังคงดำเนินต่อไปแต่เมื่อผ่านไปครึ่ง ชั่วยามชูเซี่ยก็หยุดปืนกระทันหัน มีผลให้หลี่เฉินเย่นที่ปืน ตามหลังมาโดยตลอดศีรษะกระแทกเข้ากับรองเท้าของ นางจนได้เป็นอะไรขึ้นมาอีก”
ชูเซี่ยมิได้ตอบคำถามเขา นางกำลังพิจารณาต้นหญ้าทาง ซ้ายมือของนางอยู่
เขาตกตะลึงเมื่อมองตามสายตาของนาง ต้นหญ้าที่คุ้น เคยตันหนึ่ง เขาร้องออกมาอย่างดีใจ”หลินเฉ่าหรือ”เขารีบ ร้อนอินขึ้นมาอยู่ข้างกายนาง ก่อนจะนับรูปวาดออกมาจาก อกเสื้อกางออกมาเพื่อเปรียบเทียบ
“เป็นหญ้าหลินเฉ่าจริงๆ”ชูเซี่ยไม่ได้แสดงท่าทีแปลกใจ อะไร นางกลับถอนหายใจออกมาด้วยซ้ำ
“ยังไม่รีบขุดขึ้นมาอีก”หลี่เฉินเย่นพูดขึ้นอย่างรีบร้อน
“ช้าก่อน!”นางมองเขาอย่างหมดหนทาง”หญ้าหลินเฉ่าต้น นี้ใหญ่มาก รากของต้นต้องฝังลึกลงดินมากเป็นแน่ อีกทั้ง รากยังฝังอยู่ใต้ก้อนหิน หากพวกเราจะเก็บการเก็บใบกับ ตันเป็นเรื่องง่าย แต่การเก็บรากของมันแทบจะเป็นไปไม่ ได้
หลี่เฉินเย่นถอนวัชพืชที่อยู่รอบๆตันออก เขาก็พบว่าราก ของหญ้าหลินเฉ่าฝังรากอยู่ใต้ก้อนหินจริงๆ มันเติบโตและ แทรกออกมาตามซอกหินพวกนี้
“ของล้ำค่าเช่นนี้กลับมาเจริญเติบโตอยู่ภายใต้หิน โสโครกเสียได้ หลี่เฉินเย่นไม่พอใจอย่างยิ่ง ตามหาตั้ง นาน ในที่สุดก็ได้พบ แต่เมื่อพบก็ต้องเผชิญเหตุไม่คาดฝัน ราวกับพยายามฝ่าฟันอุปสรรคนานับปการเพื่อให้ไปถึงที่ ซ่อนสมบัติแต่ก็มาพบว่ามิอาจนำสมบัติเหล่านั้นออกไปได้ ทำได้เพียงเชยชมมันอยู่ตรงนั้น
“โดยทั่วไปหญ้าหลินเฉ่าชนิดนี้จะเติบฝังรากอยู่ใต้ก่อน หิน ช่างยุ่งยากเสียจริง”ชูเซี่ยลูบใบของมันเบาๆ ใกล้ๆมี รากของมันที่ฝังลึกอยู่ใต้ก้อนหินขนาดใหญ่ แม้จะอยู่ด้วย กันทั้งหมด นางก็มิอาจขยับเขยื้อนก้อนหินออกได้ ยามนี้ ทำได้เพียงค่อยๆขุดรากมันออกมาทีละนิดเท่านั้น แต่ว่า นางก็ไม่มั่นใจเลยว่าวิธีนี้จะสามารถขุดรากมันออกมาได้จน หมด
“ทำเช่นไรต่อไปดี”หลี่เฉินเย่นรู้สึกอับจนหนทาง จึงถาม ความเห็นของนาง การกระทำเช่นนี้ส่งผลให้นางประหลาด ใจ การถามความเห็นของเขาเช่นนั้นเท่ากับว่าเขาเคารพใน การตัดสินใจของนางใช่หรือไม่”ยามนี้ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว ทำได้เพียงค่อยๆขุดรากของมันออกมาอย่างระมัดระวัง เท่านั้น”
“หามาตั้งนานกว่าจะพบ ต้นหลินเฉ่ามักจะขึ้นเพียงหนึ่งมิ มีสอง หากจะตามหาอีกก็คงมิพบแล้ว หญ้าต้นนี้คือความ หวังเพียงอย่างเดียวของพวกเรา”นางเองก็รู้สึกจนปัญญา
นางหยิบกริชออกมาจากห่อสัมภาระ ก่อนจะบ่นงึมงัมออก มา”ข้าควรพลั่วมาตั้งแต่ต้น!”
กริชนั้นคมเกินไปอาจทำลายรากได้นางจำเป็นต้องขุด เอาทั้งรากขึ้นมาด้วย เพราะว่าหญ้าหลินเฉ่าเที่ยวเฉา ง่าย อีกทั้งหากมิมีรากสรรพคุณทางยาก็จะลดลงมากโข การรักษาราก ก็สามารถรักษาน้ำที่หล่อเลี้ยงลำต้นไว้ได้ สามารถอยู่ได้สองถึงสามวัน กล่าวให้ถูกหญ้าของต้นหลิน เฉ่ามีสรรพคุณมากกว่าลำต้นกับใบรวมกันเสียด้วยซ้ำ ดัง นั้นชูเซี่ยจะต้องขุดรากออกมาให้ครบถ้วนให้จงได้
หลี่เฉินเย่นเองก็หยิบกริชขึ้นมาค่อยแซะเศษดินออก อย่างระมัดระวัง ชูเซี่ยมองเขาลงมืออย่างเพลิดเพลิน นางลอบมองเขาตั้งใจขุดหญ้าหลินเฉ่าอย่างระมัดระวัง รอบคอบ ขาขุดแซะรากอย่างชำนิชำนาญค่อยๆขุดจนเกิด ช่วงว่างใต้ก้อนหิน
เขาส่งกริชคืนให้นาง ก่อนจะค่อยหักกิ่งไว้บริเวณนั้นมา งัดก้อนหินขึ้นแล้วค่อยๆดึงรากของหญ้าหลินเฉ่าออกมา อย่างเบามือ แต่เนื่องจากช่องว่างเป็นเพียงรอยต่อหินจึง ยากที่จะดึงมันออกมาโดยที่ไม่ทำให้รากของมันเสียหาย
ซูเชียตัดสินใจนำน้ำเต้าออกมาจากห่อผ้าเปิดฝาและเท น้ำลงบนพื้นดินจนหมด ทำให้ดินแถวนั้นเริ่มคลายตัวและ สามารถดึงรากง่ายขึ้น
นี่เป็นวิธีการที่เอาแน่เอานอนไม่ได้เพราะเดิมที่ก้อนหิน บริเวณนั้นก็เปียกชื้นอยู่แล้วมันจึงไม่ได้ผล ท้ายสุดรากก็ ยังฝังรากพันอยู่กับก้อนหินเช่นเดิม
คราวนี้ทั้งคู่รู้สึกอับจนหนทางแล้วจริงๆ หลี่เฉินเย่นทั้ง หงุดหงิดและผิดหวัง นึกไม่ถึงว่าข้ามน้ำข้ามภูเขามาถึงที่ นี่ สิ่งที่ตามหาก็อยู่ตรงหน้า หรือแท้จริงแล้วสวรรค์มิมิตา ทั้งๆที่พี่สะใภ้นางเป็นคนดีแท้ๆ”
ให้ข้าลองดูอีกครั้ง”ชูเซี่ยนางมิใช่คนที่จะมายอมแพ้ อะไรง่ายดายเช่นนี้
“เช่นนั้นเจ้าก็ค่อยๆลองดูเถิด ข้าจะลองปืนขึ้นไปสำรวจ ด้านบนดูว่าจะมีอีกหรือไม่ “เขาเอ่ยกับนาง ในรู้สึกหมดหวัง ต่อต้นหลินเฉ่าตันนี้ไปแล้ว เขายังมิสามารถขุดได้ นางจะ ขุดได้หรือ
“อืม ดี เช่นนั้นพวกเราแยกย้ายกันทำหน้าที่เถิด!” ชูเซี่ย พยักหน้าเห็นด้วย
หลี่เฉินเย่นเริ่มออกแรงปืนเขาขึ้นไปอีกครั้ง โชคดีที่วันนี้ พระอาทิตย์ส่องแสงสว่างทำให้ก้อนหินมิได้เย็นมากนัก
มีวัชพืชมากมายขึ้นอยู่ตามซอกหิน แต่ยิ่งเขาปืนสูงขึ้น ก็ ยิ่งรู้สึกหมดหวังมากขึ้น ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง หนทาง ยังอีกยาวไกลกว่าจะถึงยอดเขา หินบริเวณนี้ก็เริ่มเปียกชื้น มากขึ้นและมากขึ้น ตามซอกหินเริ่มมีสายน้ำเล็กไหลลงมา ตามซอกทำให้ยามนี้เสื้อของเช้าเปียกไปมากกว่าครึ่ง แต่ เขาก็ยังไม่คิดจะถอดใจตอนนี้
เวลายิ่งผ่านไปชายหนุ่มก็ยิ่งผิดหวังมากขึ้นเท่านั้น มีบางคราที่เขาเห็นต้นหญ้าที่มีลักษณะคล้ายกันก็ลิงโลด ในใจ แต่ทว่าเมื่อพิจารณาดูดีๆแล้วก็ต้องผิดหวัง ในยามนี้ ทุกๆหนึ่งเค่อที่เสียไปหมายถึงเวลาชีวิตของพระชายาและ องค์ชายน้อยที่เริ่มหายไปด้วย ยามนึกถึงเรื่องนี้หัวใจของ เขาก็ขมขื่นยิ่งนัก
เมื่อปีนป่ายไปถึงจุดที่ค่อนข้างอันตราย เขาก็หยุดพัก ออมแรงสักครู่ ชายหนุ่มปืนมาไกลมากแล้ว เขาผ่าน เก้าเลี้ยวสิบสามโค้งมา ยามนี้เมื่อเขามองลงไปก็มิสามารถ เห็นแม้แต่เงาของชูเซี่ยได้อีก
เขานึกได้ว่าหญิงสาวนางนั้นขี้กลัวถึงเพียงนี้ (ดี แต่นางมิ กลัวผี) เขาก็รู้สึกกังวลใจเป็นห่วงนางขึ้นมา นี่ใช่หรือไม่ที่ เขากล่าวไว้ว่าใกล้เกลือกินด่าง เขาตัดสินใจว่าควรจะกลับ ลงไปหานางเสียก่อนแล้วค่อยหารือวิธีการใหม่กันดีกว่า
ยามลงจากเขา ชายหนุ่มใช้วิชาตัวเบาของตนทะยานลง ไป ขึ้นยาก ลงง่าย เวลาผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยามเขาก็ใกล้ ลงมาถึงจุดที่ชูเชี่ยอยู่แล้ว ใช้เวลาเพียงหนึ่งในสี่ของเวลา ทั้งหมดที่เขาใช้ปืนขึ้นเขา
ในตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงชูเชี่ยกร็๊ดร้องออกมา
“อ้าภายในใจของเขาตื่นกลัวเป็นอย่างมาก ไม่ลังเลที่จะใช้ พลังทั้งหมดที่ตัวเขามีทะยานลงไปหานางอย่างรวดเร็ว