แต่ทว่านางยังไม่ทันได้ทำเรื่องทั้งหมดนี้ หลัวซิวก็ปรากฏตัวก่อนแล้ว
เรือรบทองคำบินทะลุไปมาอยู่ในห้วงดารา ห้วงดาราที่กว้างใหญ่ไพศาลมืดมนและเงียบเหงา บางครั้งก็สามารถมองเห็นดาวหางที่กระพริบระยิบระยับเคลื่อนผ่านความมืดมน มันทั้งโชติช่วงและงดงาม
เดินทางไปตามการชี้นำของสำนักหนานเหมิน พวกหลัวซิวมาถึงตำแหน่งที่ตั้งของหลุมดำเอกภพ
ห้วงดาราที่เป็นตำแหน่งที่ตั้งของหลุมดำเอกภพอยู่ตรงชายแดนของโลกะอิมเอี๊ยง พลังจิตดาราของที่นี่ค่อนข้างเบาบาง และขาดแคลนทรัพยากรมากถึงมากที่สุดเช่นกัน ดังนั้นจึงมีน้อยคนมากที่จะสืบเท้าเข้ามาที่นี่
การที่สมาคมเฟยหยางสามารถค้นพบหลุมดำเอกภพนั้น ก็เป็นเพราะมีผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพคนหนึ่งเดินทางผ่านที่นี่ และบังเอิญสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังกฎปริภูมิที่เข้มข้น
หลุมดำเอกภพประกอบมาจากกฎปริภูมิ ซึ่งนี่คือความรู้ที่ทุกคนต่างทราบกันดี ยิ่งกว่านั้นคือข่าวลือเล่ากันว่าหากสามารถฝึกกฎปริภูมิขึ้นไปแดนขั้น 10 ก็จะสามารถอาศัยกำลังแรงของตนเองกลั่นแปรหลุมดำในจักรวาล วาร์ปไปยังสถานที่ต่าง ๆ ของจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ได้ตามอำเภอใจ
วิธีพูดเช่นนี้ดูเกินจริงเล็กน้อย แต่ทว่ามันก็เป็นความจริง มีข้อแม้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือสถานที่ที่เจ้าจะวาร์ปไปต้องเป็นสถานที่ที่เจ้าทราบตำแหน่งอย่างแน่ชัด
“นายท่าน ที่นี่แหละขอรับ”
ในห้วงดาราที่มืดมนและกว้างโล่งแห่งหนึ่ง สำนักหนานเหมินใช้นิ้วชี้ไปข้างหน้าแต่ทว่ากลับไม่พบอะไรเลย
“ที่นี่ไม่มีอะไรเลยนี่?”ใบหน้าของจีเสี่ยวจื่อดูสงสัย ฉียู่หรงและหนิงหานยู่ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน
ยิ่งกว่านั้นคือจีเสี่ยวจื่อใช้ตัวสำนึกสำรวจ แต่ก็ไม่พบจุดที่ผิดปกติใด ๆ รวมไปถึงร่องรอยของค่ายกลซ่อนงำเลย ต้องท้าวความก่อนว่านางเป็นมกุฎเทพที่ยึดกุมกฎปริภูมิเชียวนะ กระแสสัมผัสว่องไวและเฉียบแหลมอย่างยิ่ง
“เจ้าสัมผัสไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มี แม้เนื่องจากมูลเหตุของกฎปริภูมิ ทำให้กระแสสัมผัสของเจ้าเฉียบแหลมและว่องไวกว่ามกุฎเทพทั่วไปมาก ทว่าการที่อยากค้นพบความลึกลับและมหัศจรรย์ของสถานที่ดังกล่าวนั้น อย่างน้อยก็ต้องรอเจ้ายึดกุมกฎปริภูมิขั้น 7 ให้ได้ก่อน”
หลัวซิวยิ้มอ่อน การที่เขาสามารถมองเห็นความลี้ลับของสถานที่แห่งนี้ ไม่ได้หมายความว่าแดนกฎปริภูมิของเขาสูงกว่าจีเสี่ยวจื่อ แต่เป็นเพราะที่นี่มีค่ายกลซ่อนงำที่ประณีตสวยวิจิตรจัดวางอยู่ ซึ่งระดับของมันไม่ต่ำ
สมาคมเฟยหยางค้นพบหลุมดำเอกภพ จะแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปง่าย ๆ ไม่ได้อยู่แล้ว จึงจำเป็นต้องมีการซ่อนงำ
“วิชากระจอก ๆ ไม่มีทางปิดบังนายท่านได้อยู่แล้วขอรับ”สำนักหนานเหมินพูดประจบคำหนึ่ง จากนั้นเขาก็หยิบป้ายบัญชาการออกมาหนึ่งชิ้น แล้วโยนมันออกไป
เวิ่ง!
ป้ายบัญชาการบินออกไป มีแสงที่งดงามสว่างไสวแย้มบาน ระลอกคลื่นกระเพื่อมออกมาจากกลางห้วงอากาศอันมืดมนที่ว่างเปล่าตรงหน้า ก่อนจะเผยให้เห็นประตูหนึ่งบานที่เหมือนดั่งม่านน้ำ
“นายท่านโปรดตามข้ามาขอรับ”
สำนักหนานเหมินพูดอย่างเคารพนอบน้อม ก่อนจะเดินนำเข้าไปในประตูม่านน้ำนั่นก่อน
“นี่คือค่ายกลอะไรหรือ?”จีเสี่ยวจื่อแบะมุมปาก ราวกับรู้สึกไม่ค่อยพอใจที่ตนเองไม่พบความลี้ลับของที่นี่
“ค่ายนภาพราง ค่ายมหาราชาชั้นยอด สามารถอำพรางออร่าและร่องรอยทั้งปวง ต่อให้เจ้าฝึกกฎปริภูมิถึงแดนขั้น 7 ก็จำเป็นต้องถึงปริภูมิขั้น 7 ช่วงปลายก่อนถึงจะสัมผัสค่ายกลดังกล่าวได้”
“มันร้ายกาจเช่นนี้เลยหรือ? แล้วศิษย์พี่ท่านค้นพบได้อย่างไรหรือ?”จีเสี่ยวจื่อถามอย่างรู้สึกตะลึง นางจำได้ชัดเจนดีมาก ๆ ว่าดูเหมือนกับว่าผลการฝึกตนของศิษย์พี่ท่านยังเทียบนางที่เป็นศิษย์น้องไม่ได้เลย อีกทั้งเหมือนเขาไม่ใช่แม้กระทั่งราชาเทพหรือเปล่า?
ก่อนที่จะเข้าไปในแดนเทวนิรันกาล จีเสี่ยวจื่อก็จำได้แล้วว่าศิษย์ท่านนี้ยังอยู่ในแดนเทพฟ้า ต่อมาครั้นเมื่ออยู่ในแดนเทวนิรันกาลรวมไปถึงหลังออกมาจากแดนเทวนิรันกาลแล้ว นางก็ติดตามอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลา แต่ก็ไม่เห็นเขาข้ามผ่านทัณฑ์สายฟ้าพิโรธเลย เท่านี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขายังบรรลุไม่ถึงราชาเทพตลอดมา
แต่ทว่าจีเสี่ยวจื่อกลับค้นพบปัญหาหนึ่ง นั่นก็คือยังบรรลุไม่ถึงราชาเทพ แต่ศักยภาพของศิษย์พี่คนนี้ของตนกลับยิ่งอยู่ยิ่งน่ากลัว ยิ่งอยู่ยิ่งลึกซึ้งจนไม่อาจคาดเดาได้