มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2023
อยู่เคียงข้างพ่อแม่ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตบนบ้านเกิดเมืองนอนแห่งนี้ บ่วงกรรมก็จะสิ้นสุดแล้ว ในส่วนของสถานภาพในอนาคตของโลกแสงดาวจะเป็นอย่างไร สำนักไท่เสวียนจะถ่ายทอดสืบสานต่อไปได้ยาวนานหรือไม่นั้น มันเป็นเรื่องของคนรุ่นหลังแล้ว
คอยอยู่เคียงข้างพ่อแม่ในหมู่บ้านชิงเมี่ยว ส่วนร่างผันร่างหนึ่งของหลัวซิวก็ล่องลอยไปมาอยู่บนแผ่นดินใหญ่ของโลกแสงดาว
ร่างผันร่างนี้คือร่างกลวัฏสงสารที่สอง จีเสี่ยวจื่อ ฉียู่หรงและหนิงหานยู่สตรีทั้งสามคอยติดตามอยู่ข้างกายเขา
เมืองชิงหยุน ยังเหมือนดังแต่ก่อนทุกประการ ช่วงระยะเวลาสองร้อยกว่าปี ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไหร่นัก หลัวซิวได้พบเจอลู่เมิ่งเหยาที่นี่อีกครั้ง
ดูเหมือนกับว่านางเองก็หวนรำลึกถึงอดีตอยู่เช่นกัน หวนรำลึกถึงช่วงเวลาที่อ่อนเยาว์นั่น เมื่อปีนั้นเขายังเป็นเด็กหนุ่มคนนั้น ส่วนนางกลับเป็นเพียงหญิงสาวอายุ 19 ปีคนหนึ่ง
เขาและนางเพิ่งจะมีอารมณ์รัก อยู่ด้วยกันแล้วรักกันมาก ถึงตายก็ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอื่น มาตรแม้นว่าต่อมาเนื่องด้วยความทะเยอทะยานอันแรงกล้าของพ่อนางลู่เฟยเฉิน ก็ไม่สามารถทำให้พวกเขาแยกจากกันได้
ถึงแม้ต่อมาทั้งสองจะแยกจากกัน หลัวซิวก็ไม่เคยถือโทษโกรธเคืองนางมาก่อนเลย พูดได้เพียงพวกเขาไม่มีบุพเพสันนิวาสต่อกัน
“น่าเสียดายมาก เมื่อปีนั้นหากนางติดตามท่านพี่ ต้องไม่ถูกจำกัดอยู่ในโลกาเทพฟ้าเล็ก ๆ นี้แน่นอน”ฉียู่หรงก็มองเห็นลู่เมิ่งเหยาแล้วเช่นกัน สามารถคาดคะเนได้ลาง ๆ ว่าอดีตเคยมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นระหว่างนางและหลัวซิว
“แท้จริงแล้วเรื่องเมื่อปีนั้นก็ต้องโทษข้าเช่นกัน จิตใจของข้าเมื่อครานั้นอยู่แต่กับการฝึกยุทธ์ แค่อยากให้ตัวเองมีศักยภาพที่แข็งแกร่ง จะได้ปกป้องผู้คนที่อยู่รอบกาย ส่วนนางเองก็ล้มลุกคลุกคลาน อยากมีผลการฝึกตนวิถียุทธ์ที่แข็งแกร่ง ไม่ถูกผู้อื่นข่มเหงรังแก……”
หลัวซิวส่ายหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก เรื่องราวในอดีตได้ผ่านพ้นไปแล้ว จากตัวธรรมในปัจจุบันของเขา ไม่มีเรื่องอะไรที่เขาคิดไม่ตก
ลู่เมิ่งเหยาเหมือนสัมผัสอะไรบางอย่างได้ จึงหันหน้ากลับมากะทันหัน ทว่าสิ่งที่มองเห็นกลับเป็นเพียงความว่างเปล่า
ล่องลอยอยู่บนผืนแผ่นดินใหญ่ของอาณาจักรใต้ หลัวซิวมาถึงบริเวณไท่เสวียน แดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนในปัจจุบันที่อยู่ในโลกแสงดาวนั้น เรียกได้ว่าเจริญรุ่งเรืองอย่างสุดขีดดั่งตะวันกลางท้องฟ้า เทวรูปยักษ์ที่สูงเสียดเมฆนั้น เหมือนดั่งเทพเจ้าองค์หนึ่งที่คอยปกปักรักษาผืนแผ่นดินแห่งนี้
เขาทำการเคลื่อนย้ายผู้คนไท่เสวียนที่อยู่ในโลการ่างในออกมา จากนั้นก็ข้ามผ่านค่ายพิทักษ์เขาอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง มาถึงภายในสำนักเขาไท่เสวียน
เขาได้พบกับท่านดำ เมื่อปีนั้นจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำเป็นผู้เริ่มต้นชี้นำด้านวิถีแห่งค่ายกลให้เขา
“โลกที่เกิดวิบัติกลับตาลปัตรไปหมดแล้ว!”
ราวกับว่าจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำคาดการณ์ได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าหลัวซิวจะมา ระหว่างพวกเขาเหมือนอาจารย์และมิตรสหาย พูดคุยกันอยู่นานมาก
พรสวรรค์ศักยภาพของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำมีขีดจำกัด แต่ทว่าจากศักยภาพ ณ ปัจจุบันของหลัวซิว กลับสามารถมอบโชคให้แก่เขา ทำให้เขาฝึกตนจนบรรลุเป็นเทพมาร
“ยังจำยัยหนูคนนี้ได้หรือไม่? เมื่อปีนั้นนางตั้งปณิธานว่าจะอยู่เหนือเจ้าให้ได้เชียวนะ”นั่งอยู่บนยอดเขาที่สูงเสียดเมฆ จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำใช้นิ้วชี้ไปทางศิษย์สตรีนางหนึ่งในสำนักไท่เสวียน
ศิษย์สตรีนางนี้มีนามว่าเย่เสี่ยวเตี๋ย อดีตนางก็เป็นศิษย์นอกสำนักเซียวเหยาเหมือนเขา ในอดีตนางเคยท้าประลองหลัวซิว ทว่ากลับพ่ายแพ้อยู่ในกำมือเขา นางเป็นสตรีที่ดื้อรั้นคนหนึ่ง
เมื่อพูดถึงเรื่องราวในอดีต หลัวซิวก็หลุดหัวเราะออกมา นั่นเป็นช่วงเวลาที่เร่าร้อนและตื่นเต้นจริง ๆ
เย่เสี่ยวเตี๋ยในปัจจุบันมีผลการฝึกตนอยู่แดนมหายุทธ์แล้ว จากพรสวรรค์ของนาง การที่สามารถฝึกขึ้นมาถึงแดนระดับนี้ได้นั้น ถือเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย
“ได้ยินมาว่าเจ้าสามารถสังหารมกุฎเทพแล้ว กลับมาครั้งนี้ เจ้าไม่มีความคิดที่จะบ่มเพาะหัวกระทิดี ๆ หน่อยเลยหรือ?”จู่ ๆ จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำก็เอ่ยปากถาม
“ข้ารู้อยู่ว่าอุดมการณ์ของเจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่ สำหรับเจ้าแล้ว โลกแสงดาวเล็ก ๆ นี้มันแคบเล็กเกินไป ดาราจักรวาลที่กว้างใหญ่อย่างไร้ขอบเขตถึงจะเป็นชีวิตของเจ้าต่างหาก แต่ทว่าการเดินบนเส้นทางใหญ่ที่มุ่งหน้าสู่การเป็นผู้แข็งแกร่งมันไม่ง่าย หากสามารถบ่มเพาะอัจฉริยะไว้ข้างกายเจ้าบ้าง มันก็เป็นการช่วยเหลือเจ้าได้บ้างไม่มากก็น้อย”