มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2040
สีหน้าอารมณ์ของซิงเฉินเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาจะมีทางลืมท่านพ่อของตัวเองได้อย่างไร? นั่นเป็นความทรงจำช่วงหนึ่งที่ถูกเขาฝังไว้ในส่วนลึกของหัวใจ เป็นความทรงจำที่เขาไม่อยากนึกถึงในชั่วชีวิตนี้
“คุกเข่าลง!”
หลัวซิวตวาดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น อำนาจบารมีที่มากมายมหาศาลแผ่กระจายออกมาจากตัวเขา ถึงแม้ผลการฝึกตนของเขาจะเพิ่งบรรลุถึงราชาเทพได้ไม่นาน ทว่าอำนาจบารมีของเขาไม่อ่อนกว่าผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพขั้นสูงอย่างแน่นอน!
ภายใต้อำนาจบารมีเช่นนี้ อย่าว่าแต่หัวหน้าตระกูลเทพสงครามและเหล่าผู้อาวุโสในตระกูลเลย วินาทีนี้แม้แต่คนทั้งเมืองเทพสงครามก็ล้วนคุกเข่าลงพื้นอย่างควบคุมไม่ได้
เมืองเทพสงครามกว้างใหญ่ดั่งอาณาจักรหนึ่ง จำนวนคนที่อยู่ในเมืองนั้นมีมากเพียงใด อย่างน้อยก็มีไม่ต่ำกว่าหลักสิบล้าน ทว่าทุกคนล้วนไม่สามารถต้านทานอำนาจบารมีของหลัวซิว ล้วนคุกเข่าลงบนพื้น ไม่กล้าต่อต้านและบุ่มบ่ามเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งนี่ก็คืออำนาจของผู้แข็งแกร่ง!
วินาทีนี้ ทุกคนในตระกูลเทพสงครามล้วนรู้สึกหวาดหวั่น เนื่องจากพวกเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าผู้แข็งแกร่งที่มาเยือนโดยการควบคุมอสูรยักษ์จะทำอะไรกันแน่ หรือว่าตระกูลเทพสงครามของพวกเขาได้ไปรุกรานผู้ที่ไม่ควรรุกราน?
อย่างไรก็ตามในเวลานี้เอง หลัวซิวยกมือขึ้นมาโบกทีหนึ่ง ก่อนจะมีโลงศพที่สร้างมาจากเหล็กเซียนบินออกมาหนึ่งโลง แล้วค่อย ๆ ร่วงลงตรงหน้าหัวหน้าตระกูลเทพสงคราม ซิงเฉิน
“ผู้ที่อยู่ภายในโลงศพก็คือท่านพ่อเจ้า และเป็นหัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนหน้าของตระกูลเทพสงครามของพวกเจ้า หวงเทียน!”เสียงของหลัวซิวค่อย ๆ สะท้อนเข้าไปในหูของซิงเฉิน
ซิงเฉินเบิกตากว้างอ้าปากค้างพลางมองดูโลงศพเหล็กเซียนที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าเปลี่ยนเป็นดูตื่นเต้นอย่างยิ่ง ร่างกายที่กำยำสั่นเทา เขาไม่มีวันลืมภัยพิบัติเมื่อหลายหมื่นปีก่อน และเขาก็ไม่แน่ชัดเช่นกันว่าผู้แข็งแกร่งลึกลับคนนี้คือศัตรูหรือมิตรสหายกันแน่
“ข้าได้รับการฝากฝังจากท่านพ่อเจ้า ให้นำซากกระดูกของท่านกลับคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอน”หลัวซิวพูดอย่างเรียบนิ่ง
ซิงเฉินเป็นบุตรแห่งเทพสงครามเอกภพ เมื่อหลายหมื่นปีก่อนเทพสงครามเอกภพได้รับเศษใจแห่งศุภร และเพราะเหตุนี้เช่นกันเขาถึงประสบกับการไล่ล่าจากซือถูเจิ้งเจี้ยน
แต่ในฐานะที่เป็นลูกชายของเทพสงครามเอกภพ ซิงเฉินกลับแทงข้างหลังพ่อ ทำให้เทพสงครามเอกภพโดนยาพิษอย่างรุนแรง ภายใต้สถานการณ์ที่จนปัญญา จึงใช้วิชาต้องห้ามแผดเผาชีวีดั้งเดิม ทะลุข้ามผ่านอนัตตา มาถึงโลกแสงดาวด้วยความบังเอิญ
หากไม่ใช่เพราะคำสั่งเสียของเทพสงครามเอกภพเมื่อปีนั้นบอกให้หลัวซิวไม่ต้องล้างแค้นเพื่อเขา สำหรับผู้ที่ทรยศและลอบสังหารพ่อตนเอง หลัวซิวคงตบเขาให้ตายภายในฝ่ามือเดียวตั้งนานแล้ว
บางทีการลอบทำร้ายท่านพ่อตนเมื่อปีนั้นของซิงเฉิน เขาอาจจะมีความลำบากใจบางอย่าง แต่หลัวซิวก็ไม่มีความคิดที่จะสืบสวนเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลนี้แล้ว ส่งซากกระดูกของเทพสงครามเอกภพกลับมา ก็ถือเป็นการบรรลุสัญญาที่เคยให้ไว้กับเทพสงครามเอกภพเมื่อครั้นนั้นแล้ว
“ไม่ทราบว่าท่านผู้อาวุโสคือ?”ซิงเฉินพยายามระงับความตื่นเต้นในใจเอาไว้ ตราบใดที่ยังไม่แน่ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามคือศัตรูหรือมิตรสหายกันแน่ เขาไม่กล้าเปิดเผยความในใจของตัวเองมากเท่าไหร่นัก
“ข้าคือผู้ใดไม่สำคัญ สำหรับตระกูลเทพสงครามของพวกเจ้านั้น ข้าไม่มีความประสงค์ร้ายใด ๆ เลยแม้แต่น้อย และเจ้าก็ไม่ต้องกังวล”หลัวซิวตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง
“ขอขอบพระคุณอย่างยิ่งที่ท่านผู้อาวุโสส่งซากกระดูกของท่านพ่อกลับมา เชิญท่านผู้อาวุโสเข้าเมืองก่อนขอรับ”ซิงเฉินพูดอย่างเคารพนอบน้อม
“ไม่ล่ะ ที่ส่งซากกระดูกของเทพสงครามเอกภพกลับมานั้น เป็นเพราะมันคือสัญญาหนึ่งที่ข้าเคยให้ไว้ในอดีต หากไม่ใช่เพราะเทพสงครามเอกภพไม่ให้ล้างแค้นแทนท่านละก็ บัดนี้เจ้าไม่มีสิทธิ์มายืนพูดคุยต่อหน้าข้าแล้ว”น้ำเสียงของหลัวซิวเย็นช้ามาก ๆ
เมื่อได้ยินหลัวซิวกล่าวเช่นนี้ สีหน้าของซิงเฉินจึงดูขมขื่น ก่อนจะก้มคำนับอย่างเคารพแล้วพูด: “ขอบคุณสำหรับพระคุณที่ท่านผู้อาวุโสไม่สังหารข้า”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า หากจะขอบคุณก็ไปขอบคุณท่านพ่อที่มีจิตใจเมตตากรุณานั่นของเจ้าเถอะ”หลัวซิวพูดอย่างเย็นชาคำหนึ่ง ก็วางแผนที่จะจากไปแล้ว
และในเวลานี้เอง ก็มีแสงกลหลายดวงบินมาจากขอบฟ้าอันไกลโพ้น มาถึงนภาเหนือเมืองเทพสงครามภายในพริบตา