การโจมตีด้วยวิญญาณนั้นมองไม่เห็นและไม่มีเงา ทำให้ไม่สามารถป้องกันได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าตัวสำนึกวิญญาณของหลัวซิวนั้นเฉียบแหลมเพียงใด และวิถียุทธ์ของเขาเองก็ซ่อนอยู่ในการโจมตี ราวกับว่าเขาโจมตีด้วยตัวเอง
ความลึกลับของยุทธ์วิญญาณ อยู่ที่ความสามารถในการใช้ตัวสำนึกวิญญาณเพื่อแสดงวิชาอมตะออกมา ใช้เป็นวิชาลับสุดยอด!
ในขณะนี้ ตัวสำนึกของหลัวซิวกลายเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง ฟันเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของชายวัยกลางคนทันที และจับออร่าช่องจิตที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเขาได้อย่างรวดเร็ว
จอมยุทธ์สามารถซ่อนช่องจิตไว้ที่ไหนสักแห่งในร่างกายได้ ตราบใดที่ช่องจิตไม่ถูกทำลาย วิญญาณดั้งเดิมจะถูกรักษาไว้ และมีความหวังในการมีชีวิตรอดต่อไป
ร่างเนื้อมีชีวีดั้งเดิมซ่อนอยู่ ชีวีดั้งเดิมหายไป ตราบใดที่ยังมีวิญญาณดั้งเดิมอยู่ก็ยังมีความหวัง แต่ถ้าวิญญาณดั้งเดิมแตกสลาย ก็ตายจริงๆ และวิญญาณก็สลายหายไป เกิดใหม่ไม่ได้ และไม่มีคุณสมบัติในการกลับชาติมาเกิด
อึก!
เพียงครู่เดียว ชายวัยกลางคนก็ส่งเสียงกรีดร้อง จากนั้นมีเสียงแตกดังออกมาจากร่างกายของเขา ช่องจิตก็ถูกหลัวซิวฟันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
คนๆนี้ตายแล้ว การปราบปรามและผนึกบนร่างของซิงเฉินก็สลายไปเช่นกัน และโค้งคำนับต่อหลัวซิวทันทีด้วยความเคารพ “ขอบคุณท่านชายที่ช่วยชีวิตข้า”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบใจข้า ถ้าเจ้าต้องการขอบใจ ขอบเจ้าพ่อของเจ้าเถอะ” ท่าทีของหลัวซิวที่มีต่อซิงเฉินมักจะเฉยเมยเสมอ
ถ้าไม่ใช่เพราะเทพสงครามเอกภพ เขาคงไม่สนใจความเป็นหรือตายของตระกูลเทพสงคราม
“ข้าคิดว่าท่านชายน่าจะเข้าใจข้าผิด” ซิงเฉินพูดอย่างขมขื่น
เดิมที เรื่องบางเรื่องเขาจะไม่อธิบาย เพราะเขาสงสัยว่าบุคคลนี้อาจมาเพื่อสมบัติชิ้นนั้นของตระกูลเทพสงคราม
แต่หลังจากช่วงเวลานี้ที่ได้รู้จักกันมา ซิงเฉินพบว่าอีกฝ่ายไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสมบัติเลย เว้นแต่จะถามคำถามในตอนนั้น จากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดถึงคำว่าสมบัติสักคำ
สิ่งนี้ทำให้ซิงเฉินมั่นใจได้ว่าคนๆ นี้ไม่ได้มาเพื่อสิ่งของของบรรพบุรุษของตระกูลเทพสงครามจริงๆ
ตอนนี้สำนักไท่ฉือมาที่ตระกูลเทพสงครามครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ในใจของซิงเฉินปกคลุมไปด้วยความเคร่งขรึม เขารู้ดีว่าว่าเมื่อตระกูลเทพสงครามสูญเสียการปกป้อง มันจะง่ายเกินไปที่จะสำนักไท่ฉือจะทำลายเผ่าเทพเจ้าแห่งสงคราม
ดังนั้น ซิงเฉินจึงรู้สึกว่าเขาจำเป็นที่จะต้องอธิบาย อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งที่มาจากโลกาชั้นฟ้าเข้าใจเขาผิด บางทีด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาสามารถปกป้องตระกูลเทพสงคราม ผ่านภัยพิบัติไปได้
เมืองเทพสงคราม ที่พำนักของหลัวซิว
เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนฟูก ในขณะที่หัวหน้าเผ่าซิงเฉินแห่งตระกูลเทพสงครามยืนอยู่ข้างหน้าด้วยความเคารพ
“เจ้าต้องการอธิบายอะไรกับข้า” หลัวซิวกล่าว
“ก่อนที่ผู้น้อยจะอธิบาย ข้าอยากจะถามท่านชายว่าท่านชายกับท่านพ่อของข้ามีความสัมพันธ์เป็นอย่างไร?” ซิงเฉินถาม
“ความสัมพันธ์อะไร?” หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดแล้ว เขาก็พูดว่า “ระหว่างข้ากับเทพสงครามเอกภ ไม่สามารถพูดได้ว่ามีความสัมพันธ์ใดๆ ถ้าต้องการพูดจริงๆ ข้าเป็นรุ่นน้องของเขา และข้ามีสัญญากับเขา ดังนั้นเจ้าอยู่ต่อหน้าข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกตัวเองว่าเป็นข้าน้อย”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ หลัวซิวไม่ได้ปิดบังอะไร และพูดช้าๆ “เจ้าน่าจะรู้ว่าการตายของพ่อของเจ้า เทพสงครามเอกภพ มีต้นกำเนิดมาจากชิ้นส่วนของใจแห่งศุภร และเมื่อหลายปีก่อนในสถานที่ที่ท่านพ่อของเจ้าเสียชีวิต ข้าได้รับชิ้นส่วนชิ้นนี้ และวิญญาณที่เหลือของพ่อเจ้าเพราะอยู่ในชิ้นเส่วนใจแห่งศุภร ดังนั้นจึงไม่สลายไปและคงอยู่เป็นเวลาหลายหมื่นปี”
เมื่อนึกถึงอดีต หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะคิดถึงการต่อสู้กับเทพสงครามเอกภพในโลกาศุภร เวลาที่ผ่านมานี้ มีคนเพียงไม่กี่คนในแดนเดียวกันที่สามารถต่อสู้กับเขาได้ เทพสงครามเอกภพคือ คนที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะข้อบกพร่องของตระกูลเทพสงคราม บางทีเทพสงครามเอกภพน่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไร้เทียมทานในอนาคต