มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2066
ตระกูลจางชิวและสำนักเทวพยัคฆ์ต่างเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของสำนักไท่ฉือ กองกำลังใหญ่ทั้งสองนี้ยังเป็นที่รู้จักกันดีในโลกะอัมพรเทว แม้ว่าจะไม่มีบรรพอาจารย์อย่างจ้าวมหาเทพครึ่งก้าวอยู่ แต่ก็มีผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเทพที่ทำให้คนอื่นหวาดเกรงและเป็นใหญ่อยู่ในสถานที่นี้เช่นกัน
ครั้งนี้ ผู้อาวุโสของสำนักไท่ฉือถูกฆ่าในตระกูลเทพสงคราม กองกำลังใหญ่ทั้งสองได้รับคำสั่งและรวบรวมผู้คนจำนวนมากและเดินทัพไปยังดาราที่ตระกูลเทพสงครามตั้งอยู่ทันที
ในท้องฟ้าสูง เสียงคำรามดังก้องไปทั่วท้องฟ้าและแผ่นดิน เรือรบขนาดใหญ่ ป้อมปราการ และรถม้าศึกได้บดขยี้อนัตตา ดูแล้วน่ายำเกรงมาก
ในอนัตตานอกเมืองเทพสงคราม คนจากกองกำลังใหญ่ทั้งสองทำให้จอมยุทธ์หลายคนในเมืองตัวสั่นด้วยความกลัว ไม่มีใครสงสัยว่าด้วยความน่าสะพรึงกลัวของกองกำลังใหญ่ทั้งสองสามารถทำลายเมืองเทพสงครามได้อย่างง่ายดาย!
สมบัติที่บรรพบุรุษทิ้งไว้เป็นรากฐานของการดำรงอยู่ของตระกูลเทพสงครามและสูญเสียไม่ได้เด็ดขาด แม้ว่าตระกูลเทพสงครามทั้งหมดจะถูกกำจัดออกไป เป็นไปไม่ได้ที่จะส่งมอบสมบัติของบรรพบุรุษออกไปอย่างแน่นอน
ในเมืองเทพสงคราม ศีรษะขนาดใหญ่ของอสูรดูดจิตยกขึ้นสูง บนศีรษะมีหลัวซิวซึ่งสวมชุดคลุมสีดำเอามือไพล่หลังด้วยสีหน้าเย็นชายืนอยู่
ข้างหลังเขา ฉียู่หรง หนิงหานยู่และจีเสี่ยวจื่อก็ยืนอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพร้อมต่อสู้
ซิงเฉินก็พาเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลออกมา แต่ละคนมีสีหน้าที่พร้อมสู้ตาย ปกป้องสมบัติของบรรพบุรุษของพวกเขา นี่คือความหมายของการมีอยู่ของตระกูลเทพสงครามและมันคือชะตากรรมของตระกูลของพวกเขา!
“หัวหน้าเผ่าซิงเฉินของตระกูลเทพสงครามออกมา!”
บนท้องฟ้าสูงนอกเมือง มีเสียงตะโกนก้องดังสนั่น คลื่นเสียงมีพลังมากจนผู้คนทั้งหมดในเมืองเทพสงครามสั่นสะท้าน หลายคนหวาดกลัวและสั่นสะท้านไปทั้งตัว
“มีคนมาไม่น้อยเลย” หลัวซิวยืนอยู่บนศีรษะของอสูรดูดจิต มองไปในระยะไกล กองกำลังทั้งสองเต็มไปหมด หากจะบอกว่ามีมีคนจำนวนนับหมื่นก็ไม่เกินจริง
ต้องรู้ไหม นี่ไม่ใช่การต่อสู้เล็กๆ อีกต่อไป และไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างตัวต่อตัว แต่เป็นการต่อสู้ของกองกำลังสำนัก!
ร่างของซิงเฉินเดินขึ้นไปในอากาศ ร่อนลงข้างๆ หลัวซิว และยืนอยู่บนศีรษะของอสูรดูดจิต
เขาเป็นลูกชายของเทพสงครามเอกภพ อสูรดูดจิตก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรมากนัก
“ทุกคนนำคนนับพันนับหื่นมาถึงตระกูลเทพสงครามของเรา ไม่ทราบว่าด้วยเรื่องใด?” ซิงเฉินหายใจเข้าลึก ๆ และถามกลับเสียงดัง
“ไอ้ซิงเฉิน เจ้ารู้ก็ยังยังกล้าถามอีก? ศิษย์และผู้อาวุโสของสำนักไท่ฉือถูกสังหารโดยตระกูลเทพสงครามของเจ้า เจ้ายังอยากปฏิเสธอีกหรือรึ?” นายท่านของตระกูลจางชิวเดินออกมาตะคอกถาม
“ถูกต้อง! ผู้อาวุโสและศิษย์ของสำนักเทวพยัคฆ์ ตระกูลจางชิวและสำนักไท่ฉือเป็นพันธมิตรกัน เรื่องนี้ตระกูลเทพสงครามพวกเจ้าต้องอธิบาย มิฉะนั้นกองกำลังใหญ่ทั้งสองของเราจะทำลายเมืองเทพสงครามของเจ้า!” เจ้าสำนักของสำนักเทวพยัคฆ์ตะคอกอย่างเย็นชา
สำนักเทวพยัคฆ์ไม่ใช่สำนักของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่เป็นเผ่าพันธุ์มาร เจ้าสำนักของสำนักเทวพยัคฆ์ยังเป็นอสูรเสือกลายร่างเป็นมนุษย์และได้ฝึกตนไปถึงแดนมกุฎเทพมมาร ซึ่งเทียบเท่ากับมกุฎเทพของเผ่าพันธุ์มนุษย์
“ถ้าอย่างนั้นไม่ทราบว่าพวกเจ้าสองคนต้องการให้ตระกูลเทพสงครามของข้าอธิบายแบบไหน?” ซิงเฉินถามกลับ
“ง่ายมาก มอบตัวฆาตกรออกมา จากนั้นสำนักไท่ฉือจะตัดสินอาชญากรรมของตระกูลเทพสงครามของเจ้า!” นายท่านของตระกูลจางชิวกล่าวเสียงเย็น
ซิงเฉินแสดงท่าทางโกรธและกำลังจะพูด แต่ถูกหลัวซิวโบกมือขัดจังหวะ
“พวกเจ้าพูดไร้สาระมากเกินไปแล้ว”
หลัวซิวโบกมืออย่างรำคาญ ราวกับขับไล่แมลงวันที่รบกวนออกไป และพูดอย่างใจเย็นและช้าๆ “มาจากทางไหน กลับไปทางนั้น ข้าไม่มีความอดทนที่จะมาพูดเรื่องไร้สาระกับพวกเจ้าที่นี่”