มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2086
กฎชั้นยอดแข็งแกร่งกว่ากฎทั่วไป แต่เงื่อนไขข้อแรกคือต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่แดนกฎและผลการฝึกตนต่างกันไม่มาก หากสามารถฝึกกฎทั่วไปให้ถึงแดนที่ลึกซึ้ง ก็สามารถเอาชนะกฎชั้นยอดได้เช่นกัน
ดังนั้นตั้งแต่โบราณกาลมาบนวิถียุทธ์ก็มีคำพูดหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า ไม่มีกฎที่แข็งแกร่งที่สุด มีเพียงกฎที่เหมาะสมกับตนที่สุด มีเพียงนักยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุด!
กฎจะแข็งแกร่งหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลเช่นกัน
เวิ่ง!
ฉียู่หรงลงมือโจมตีแล้วเช่นกัน นางมีผลการฝึกตนเป็นมกุฎเทพ วิวัฒนาการไม้เซียนยอดอัมพรออกมา แล้วพุ่งโจมตีไปทางหอคอยเวทย์
ในกฎเบญจธาตุ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วกฎธาตุไม้สามารถปราบกฎธาตุดินได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นผลการฝึกตนหรือแดนกฎ ฉียู่หรงก็แตกต่างจากผู้อาวุโสนั่นไม่น้อยเลย ซึ่งระยะความต่างนี้ไม่ใช่สิ่งที่นางสามารถทดแทนได้โดยการฝึกพลังจักรพรรดิเคล็ดเซียน
“หึ!”
มีรอยยิ้มที่ดูเหยียดหยามปรากฏบนใบหน้าผู้อาวุโส เขาง้างมือขึ้นมาแล้วปล่อยฝ่ามือออกมา ฝ่ามือกลายเป็นภูเขาที่สูงใหญ่ เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น ก็ทำให้ไม้เซียนยอดอัมพรที่ฉียู่หรงวิวัฒนาการออกมาถูกโจมตีจนแตกสลาย จนนางร้องเฮือกทีหนึ่ง ร่างกายถอยหลังกลับไปอย่างต่อเนื่อง สีหน้าขาวซีดเล็กน้อย
“ปกติให้พวกเจ้าตั้งใจฝึกตนดี ๆ บัดนี้สู้ผู้อื่นไม่ไหว ต่อไปยังจะเห็นแก่เล่นอยู่อีกหรือไม่?”
และในเวลานี้เองหลัวซิวก็เอ่ยปากพูด เขามองไปทางจีเสี่ยวจื่อและหนิงหานยู่ที่ยังคงฝืนต้านทานการโจมตีของผู้อาวุโสอยู่พลางพูด
“ท่านพี่ ข้าสำนึกผิดแล้ว ท่านยังไม่รีบลงมือช่วยเหลืออีกหรือ?”ดวงตาของหนิงหานยู่สดใสดุจน้ำ สภาพดูสงสารน่าเอ็นดู
“นอกซะจากเจ้าจะสัญญากับข้าว่าต่อไปจะตั้งใจฝึกตนดี ๆ มิฉะนั้นข้าก็จะไม่ลงมือช่วยเหลือ จะได้ทำให้เจ้าได้ลิ้มลองความทุกข์ดูบ้าง จะดูจำให้ขึ้นใจ”
“อย่าสิเจ้าคะศิษย์พี่ ท่านใจเหี้ยมเกินไปหรือเปล่า? หากท่านปู่ทราบว่าท่านปฏิบัติต่อหลานรักของท่านเช่นนี้ ท่านไม่จบกับศิษย์พี่แน่นอน”จีเสี่ยวจื่อกลอกตาไปมาพลางพูดอย่างเจ้าเล่ห์เล็กน้อย
“หึ ใกล้จะตายแล้ว ยังมีอารมณ์มาพูดล้อเล่นกันอีกหรือ?”
เมื่อเห็นว่าพวกหลัวซิวกำลังพูดคุยกันอย่างเฮฮาราวกับรอบ ๆ ไม่มีผู้อื่น ใบหน้าของผู้อาวุโสนั่นจึงดูโกรธเกรี้ยว รังสีของหอคอยเวทย์สว่างโชติช่วงมากยิ่งขึ้น แรงกดอัดเพิ่มมากยิ่งขึ้น เมื่อเห็นว่าใกล้จะกดอัดม่านแสงคุ้มกันของหนิงหานยู่จนแตกสลายแล้ว
หลัวซิวไม่มีทางมองดูจีเสี่ยวจื่อและหนิงหานยู่ทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บโดยไม่ทำอะไรอยู่แล้ว เห็นเพียงเขาค่อย ๆ ยกมือขึ้นมา แล้วกดนิ้วมือออกไปนิ้วหนึ่ง
วิวัฒนาการหมื่นจักรวาลไร้รูป เบญจธาตุทั้งห้าผสมผสานกันกลางฝ่ามือ จากนั้นก็ผนึกรวมกันกลายเป็นตรีภพ หน่ึงนิ้วกลายเป็นกระบี่เทพตรีภพ เปล่งแสงแพรวพราย มโหฬารพันลึกดั่งเขากระบี่ลูกหนึ่งแล้วกดอัดลงไป
พลังการโจมตีดังกล่าวคือเคล็ดตรีภพโกลาหล ซึ่งเป็นเคล็ดเซียนที่สืบทอดต่อกันมาของตระกูลหงแห่งโลกาโกลาหล ทว่าในบรรดาวิถีหมื่นจักรวาลของหลัวซิว กลับสามารถปลดปล่อยมันออกมาได้อย่างสบายมือ
จะนำศักยภาพของจีเสี่ยวจื่อและหนิงหานยู่มาเทียบเคียงกับหลัวซิวไม่ได้อยู่แล้ว หนึ่งนิ้วผันเขากระบี่ตรีภพ เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้นครั้งหนึ่ง ก็ทำให้หอคอยเวทย์ของผู้อาวุโสคนนั้นถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปแล้ว
อั่ก!
เลือดสีแดงสดสาดกระเด็น ผู้อาวุโสกรีดร้องอย่างน่าเวทนา ก่อนจะถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว เลือดสดท่วมฝ่ามือ เลือดเนื้อเละจนรางเลือน
“เบญจธาตุกลายตรีภพ?”
ผู้อาวุโสทั้งตะลึงทั้งเกรี้ยวกราด ภายในแววตามีความเกรงกลัวที่ลึกซึ้งปนอยู่ กฎธาตุดินที่เขาฝึกนั้นมีบ่อเกิดมาจากตรีภพ จึงไม่สามารถต้านทานอานุภาพของตรีภพได้อยู่แล้ว
แดนกฎ ณ ปัจจุบันของหลัวซิวอยู่ที่ขั้น 6 การใช้กฎเบญจธาตุขั้น 6 วิวัฒนาการตรีภพออกมานั้น พลานุภาพสามารถเทียบทัดกฎขั้น 7 เรียกได้เลยว่าผู้อาวุโสไม่ได้เปรียบในด้านแดนกฎเลยแม้แต่น้อย
ในส่วนของผลการฝึกตนวิถียุทธ์นั้น แม้หลัวซิวจะอยู่แดนราชาเทพ แต่ภายในร่างกายมีพลังแห่งดารา 72 ดวงแฝงซ่อนอยู่ ผลการฝึกตนแน่นหนาน่าเกรงขามจนน่าทึ่ง ซึ่งไม่อ่อนกว่ามกุฎเทพช่วงปลายอย่างแน่นอน
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงศักยภาพที่มองเห็นภายนอกเท่านั้น หากใช้พลังแห่งเกณฑ์วัฏสงสารอีกละก็ เช่นนั้นหลัวซิวมีความมั่นใจที่จะต่อกรกับกึ่งจ้าวมหาเทพได้อย่างแน่นอน มาตรแม้นว่าเป็นเหล่าจ้าวมหาเทพขั้นปฐมภูมิที่ค่อนข้างอ่อน ก็ไม่มีพลังในการต้านทานหลัวซิวได้เลยแม้แต่น้อย