เนื่องจากเงื่อนไขไม่เพียบพร้อม ไม่ว่าจะเป็นวรยุทธ์การถ่ายทอดสืบสาน หรือสมบัติทรัพยากร ล้วนถูกลิขิตไว้แล้วว่าในมหาโลกาพันสามไม่มีทางมีผู้ใดสามารถทลายการพันธนาการของเทพมารระดับหกถึงเทพมารระดับเจ็ด
มีเพียงหลุดพ้นจากมหาโลกาพันสาม อยู่ในโลกามหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งแปดที่คงอยู่ตั้งแต่เพิ่งกำเนิดจักรวาลจวบจนปัจจุบัน ถึงจะมีผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเจ็ดเป็นต้นไปปรากฏ
“ทว่าหากมีการคุ้มครองจากเทพมารระดับเจ็ดจริง ๆ เพียงลงมือก็สามารถสังหารข้าได้แล้ว แผนการในปัจจุบัน ก็คงทำได้เพียงคอยผลการฝึกตนของข้าฟื้นฟูกลับคืนสู่ช่วงสูงสุดอย่างในอดีตก่อน ค่อยทำการวางแผนใหม่อีกครั้ง”
มหาจักรพรรดิ์ยุทธ์แห่งนรกภูมิรู้สึกไม่ค่อยพอใจ แต่เขากลับเป็นผู้ที่ถนอมชีวิตมากกว่าผู้อื่น เนื่องจากตั้งแต่หลายแสนล้านปีที่ผ่านมา อายุไขของเขาก็ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว อาศัยภัณฑ์เศษณ์ชิ้นหนึ่งนอนหลับใหลผนึกชีวีถึงจะสามารถคงอยู่จนถึงปัจจุบันได้
และเป็นเพราะมีชีวิตคงอยู่มายาวนานมากพอนี่เอง ดังนั้นมหาจักรพรรดิ์ยุทธ์แห่งนรกภูมิจึงไม่อยากเสี่ยง มิเช่นนั้นทันทีที่ชีวิตของตัวเองจบลง แล้วจักควบคุมวัฏสงสารอย่างไร และกลายเป็นผู้ชี้ขาดในจักรวาลฟ้าดินแห่งนี้ได้อย่างไร?
ตู๋กูเจี้ยนเฉินที่หลัวซิวกล่าวถึงนั้นก็คือคนชุดเขียวที่ลึกลับนั่น
อ้างอิงจากความทรงจำของไท่ซ่างฉิงที่เขาปลุกตื่น ตู๋กูเจี้ยนเฉินคืออัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานที่อยู่ในยุคสมัยเดียวกันกับไท่ซ่างฉิง เส้นทางที่เขาเดินนั้นคือเส้นทางแห่งวิถีกระบี่ขั้นสูงสุด หนึ่งร่างหนึ่งกระบี่ เฉือนเก้าสวรรค์ สับยมโลก
ก่อนยุคสมัยในกาลเวลาที่ผ่านพ้นมายาวนานอย่างไม่รู้จบ ตู๋กูเจี้ยนเฉินก็เข้าร่วมศึกสงครามที่ทลายกงล้อวัฏจักรธรรมนั่นเช่นกัน เขาในขณะนั้นมีศักยภาพจักรพรรดิเทพระดับเก้าแล้ว
เมื่อประเมินจากปัจจุบัน ศึกสงครามที่ทลายกงล้อวัฏจักรธรรมนั่น สภาพอาการบาดเจ็บของตู๋กูเจี้ยนเฉินก็ต้องหายยากมาก ๆ อย่างแน่นอน นอนหลับใหลมานานเช่นนี้ ศักยภาพก็ฟื้นฟูกลับมาประมาณเทพมารระดับเจ็ดเท่านั้น
หากไม่ใช่เพราะอย่างนี้ จากพลานุภาพแห่งห้วงกระบี่ของเขา มาตรแม้นว่าเป็นมหาจักรพรรดิ์ยุทธ์แห่งนรกภูมิที่อยู่ในช่วงที่รุ่งโรจน์ที่สุดของชีวิต ก็ไม่มีทางต้านทานได้อย่างแน่นอน
“ไม่ได้ไล่ตามมาแล้วหรือ?”
หลัวซิวทะลุข้ามผ่านไปมาอยู่ในห้วงดาราด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุด เมื่อสัมผัสได้ว่ามหาจักรพรรดิ์ยุทธ์แห่งนรกภูมิไม่ได้ไล่ตามมา จึงรู้สึกโล่งอกเล็กน้อย
เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามหาจักรพรรดิ์ยุทธ์แห่งนรกภูมินั่นก็ไม่โง่เช่นกัน ทราบว่าตนไม่ได้อยู่ในสภาวะที่แข็งแกร่งที่สุด ถึงแม้จะไม่ถูกพลานุภาพแห่งห้วงกระบี่ของตู๋กูเจี้ยนเฉินโจมตี แต่เขาก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน
หากเขาไล่ตามมาอีกละก็ อาศัยพลานุภาพแห่งห้วงกระบี่ที่ยังเหลืออีกสองเล่มที่แฝงอยู่ในกระบี่เหล็ก หลัวซิวมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าจะทำให้มหาจักรพรรดิ์ยุทธ์แห่งนรกภูมิกลับไปไม่ได้อีกเลย
แต่ทว่าหากสิ้นเปลืองพลานุภาพแห่งห้วงกระบี่ทั้งสามเล่มนี้ละก็ หลัวซิวกลับรู้สึกเสียดายเล็กน้อย อย่างไรเสียผลการฝึกตน ณ ปัจจุบันของเขาก็ต่ำเกินไป อนาคตยังไม่รู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจอีกมากเท่าไหร่ การที่เก็บรักษาห้วงกระบี่ไว้ได้มากเท่าไหร่นั้น อนาคตก็จะมีต้นทุนในการรักษาชีวิตตนเองเพิ่มมากเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ขณะที่ถูกมหาจักรพรรดิ์ยุทธ์แห่งนรกภูมิไล่ล่า หลัวซิวไม่ได้สังเกตดี ๆ ว่าตนหลบหนีไปทางใด วินาทีนี้เมื่อวางใจลง ถึงจะสังเกตเห็นว่าตนเองยิ่งอยู่ยิ่งห่างจากทิศทางของดารานภากาศทมิฬ
ดังนั้นเขาจึงรีบปรับเปลี่ยนตำแหน่ง อาศัยความเร็วของกฎปริภูมิ เคลื่อนที่อยู่ในห้วงดาราตัวคนเดียว
“ใช้ร่างแห่งสามภพชาติวิวัฒนาการพลังอมตะของสรรพสิ่งอิงหยินอุ้มหยาง เส้นทางแห่งวัฏสงสารนั้นลึกซึ้งมากจนไม่อาจคาดเดาได้จริง ๆ”
หากคนธรรมดาทั่วไปเคลื่อนที่ในห้วงดารา ผลการฝึกตนต้องสูญสิ้นไปเร็วมาก ๆ แน่นอน แต่หลัวซิวกลับไม่ต้องกังวลในจุดนี้ เขาสามารถรักษาระดับความเร็วในการบินหนีให้คงที่ได้ตลอดเวลา
การปลุกตีความทรงจำของไท่ซ่างฉิง ทำให้การยึดกุมในแดนยุทธ์ของเขายกระดับถึงระดับความสูงที่ผู้แข็งแกร่งแห่งยุคสมัยหนึ่งยังยากที่จะตามทัน เขาสามารถมองเห็นความเร้นลับและแก่นสารของพลังอมตะอย่างสรรพสิ่งอิงหยินอุ้มหยาได้อย่างง่ายดายเลย
พลังอมตะอย่างสรรพสิ่งอิงหยินอุ้มหยานั้น เป็นพลังที่ถือกำเนิดมาจากเส้นทางแห่งวัฏสงสาร เมื่อมีพลังอมตะเช่นนี้คอยปลุกเสกร่าง สามารถทำให้ตัวนักยุทธ์มีผลการฝึกตนที่ไร้ขอบเขต สามารถรักษากำลังรบให้อยู่ในขั้นสูงสุดได้ตลอดเวลา
แต่ใช่ว่าพลังอมตะเช่นนี้จะไร้ขีดจำกัดเสมอไป มากสุดหลังจากบรรลุถึงเทพมารระดับเจ็ดแล้ว ประสิทธิผลที่มีผลการฝึกตนอย่างไร้ขีดจำกัดก็จะหายไป