เซียวอันนั้นมีผลการฝึกตนมกุฎเทพขั้นสูง เมื่อมองในมุมโลกามนุษย์ คนประเภทนี้ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดของกองกำลังใหญ่อย่างแน่นอน สิ่งที่เคยพบเห็นรู้จักจึงต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ภายใต้กระแสสัมผัส เขาก็ค้นพบแล้วว่าค่ายกลที่หลัวซิวใช้ยันต์ค่ายวาดออกมาอย่างสบายมือ ต่อให้เขาทุ่มสุดกำลังสามารถ ก็ยากที่จะทลายมัน
“ฝีมือของสหายหลัวช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”แค่ระดับฝีมือด้านค่ายกลนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เซียวอันมองว่าเขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่ด้อยกว่าตัวเอง
“สหายเซียวชมเกินไปแล้ว แค่วิธีการเล็ก ๆ เท่านั้นเอง มีค่ายกลของข้าอยู่ที่นี่ สหายโกวสามารถทุ่มสุดกำลังสามารถได้เลย ไม่จำเป็นต้องพะวงใด ๆ”หลัวซิวยิ้มพลางพูด
แท้จริงแล้วเขาไม่ต้องจัดวางค่ายกล จากศักยภาพของโกวหมิงเฉินก็ทำให้เรือรบมกุฎเทพชั้นสูงลำนี้เสียหายไม่ได้ สาเหตุที่ทำเช่นนี้นั้น เป็นเพราะหลัวซิวอยากแสดงฝีมือของตัวเองเท่านั้นแหละ
และมันก็เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้จริง ๆ สายตาที่เซียวอันมองเขาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแล้ว แม้แต่สายตาของเห้อเหลียนชิง โกวหมิงเฉินและกงชิวหยูที่มองมาทางเขาก็มีความเลื่อมใสศรัทธาปนอยู่เล็กน้อย
ความคิดเรื่องผู้แข็งแกร่งเป็นเจ้าก็เป็นเช่นนี้แต่เดิมอยู่แล้ว มีเพียงมีศักยภาพอุบายที่แข็งแกร่ง ถึงจะได้รับความเคารพจากผู้อื่น
“เสี่ยวเฉินในเมื่อสหายหลัวกล่าวเช่นนี้แล้ว เจ้าก็ลองลงมือดู คิดว่าแม่นางหนิงก็คงไม่ธรรมดาแน่นอน”เซียวอันเอ่ยปากพูด
“ได้!”
โกวหมิงเฉินก้าวเท้าออกมาหนึ่งก้าว พลังออร่าผลการฝึกตนมกุฎเทพขั้น 4 แผ่กระจายแย้มบาน มีรังสีที่กระพริบระยิบระยับทั่วทั้งร่างกาย
เงาร่างของหนิงหานยู่ก็กระพริบแล้วโดดออกไปเช่นกัน ก่อนนางจะยิ้มพลางพูด: “เจ้าต้องทุ่มสุดกำลังสามารถนะ มิเช่นนั้นก็ทลายเกราะป้องกันของข้าไม่ได้นะ”
เมื่อเห็นอุบายของหลัวซิว แม้โกวหมิงเฉินจะรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาในตัวเขาเล็กน้อย แต่กลับไม่นึกว่าตนเองที่เป็นผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพขั้น 4 จะทลายเกราะป้องกันของกึ่งมกุฎเทพคนหนึ่งไม่ได้
วินาทีนี้เมื่อได้ยินคำพูดของหนิงหานยู่ เขาจึงทำเสียงหึเบา ๆ ทีหนึ่งแล้วพูด: “แม่นางหนิงอย่าได้ประมาทจะดีกว่า สิ่งที่แซ่โกวฝึกนั้นคือกฎธาตุทองที่เชี่ยวชาญการโจมตีมากที่สุด ข้าจักพยายามไม่ทำให้เจ้าบาดเจ็บก็แล้วกัน”
“หากทำให้ข้าบาดเจ็บได้ ถือว่าเจ้ามีฝีมือมากพอ”หนิงหานยู่แบะปาก
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จักลงมือแล้ว แม่นางระวังตัวด้วยล่ะ”
โกวหมิงเฉินไม่ได้พูดมากอีก เขาก้าวเท้าเดินออกไปหนึ่งก้าว แล้วผนึกรวมรังสีกระบี่สีทองออกมาหนึ่งดวง รังสีกระบี่ผลุบ ๆ โผล่ ๆ เฉียบคมถึงขีดสุด ตัดสับอยู่กลางนภาพุ่งตรงไปทางหนิงหานยู่
การโจมตีนี้ เขาได้ควบคุมกำลังแรงของตัวเองอยู่ ไม่ได้ทุ่มสุดกำลังสามารถแต่อย่างใด มาตรแม้นว่าเป็นเช่นนี้ หากเป็นมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิคนหนึ่งก็ต้าทานได้ยากมาก ๆ
เซียวอันพยักหน้าอย่างพึงพอใจต่อวิธีการดังกล่าวของโกวหมิงเฉิน หากทำให้หนิงหานยู่ได้รับบาดเจ็บจริง ๆ จะทำให้ทั้งสองฝ่ายมองหน้ากันไม่ติด
“การโจมตีเช่นนี้ยังไม่ผ่านนะ”หนิงหานยู่หัวเราะเบา ๆ เห็นเพียงนางลอยตัวขึ้นฟ้า มีแสงสว่างที่โชติช่วงของกฎชีวิตปรากฏกลางฝ่ามือทั้งสองข้าง
เสียงตู้มดันลั่นขึ้นมา รังสีกระบี่สีทองถูกทลายกลางอากาศ ส่วนร่างกายของหนิงหานยู่นั้นกลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
“ว่าอย่างไรนะ?”
เมื่อโกวหมิงเฉินเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว เขาก็เบิกตากว้างในทันที
ส่วนรูม่านตาของเซียวอันนั้นกลับหดลงกะทันหัน อดไม่ได้ที่จะอุทานอย่างตะลึง: “กฎชีวิต?”
กฎชีวิตคือหนึ่งในกฎชั้นยอด แม้กฎประเภทนี้จะไม่เชี่ยวชาญการเข่นฆ่าโดยตรง แต่ด้านการฟื้นฟูและการป้องกันกลับเทพเจ้ามาก ๆ เพียงพอที่จะทำให้คู่ต่อสู้ทุกคนปวดหัว หมดซึ่งหนทางปัญญา
“ยอดเยี่ยมมากเลยนี่ ไม่นึกเลยว่าน้องสาวของสหายหลัวจะเป็นอัจฉริยะผู้ฝึกกฎชั้นยอด”เซียวอันอุทานอย่างตื่นตะลึงต่อภาพเหตุการณ์นี้
ถึงแม้จะเป็นอัจฉริยะที่เหล่ากองกำลังใหญ่ระดับขั้นสูงในแดนดาราจันทราสลายที่ได้รับการบ่มเพาะโดยเฉพาะ ในมุมมองของเซียวอัน เมื่อเปรียบเทียบกับหนิงหานยู่แล้ว คนเหล่านั้นก็เล็กน้อยมากจนไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึงด้วยซ้ำ
“เอาอีก!”
โกวหมิงเฉินรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะฝึกกฎชั้นยอด แต่เขาคือมกุฎเทพขั้น 4 หรือว่าตนจะเป็นฝ่ายแพ้?
ครั้งนี้เขาได้ทุ่มสุดกำลังสามารถแล้ว ถึงขั้นเรียกอาวุธสงครามชีวีของตัวเองออกมา ควบคุมกระบี่เทพ ปลดปล่อยพลังอมตะที่อานุภาพมโหฬารพันลึกออกมา