แท้จริงแล้วไม่จำเป็นต้องทลายค่ายกลต้องห้ามที่อยู่บนประตูตำหนักดังกล่าวเลย แต่ขอเพียงสามารถตระหนักรู้ความลี้ลับที่อยู่บนประตู ก็สามารถทะลุข้ามผ่านไปได้แล้ว
ซึ่งนี่คือความลี้ลับที่อยู่ภายใน อย่าว่าแต่ในโลกามนุษย์เลย มาตรแม้นว่าเป็นมหาโลกาพันสาม เกรงว่าคงตามหาผู้ที่สามารถมองทะลุได้ยากมาก ๆ เนื่องจากความรู้เรื่องค่ายกลที่แฝงซ่อนอยู่ด้านบนอยู่เหนือขอบของมหาโลกาพันสามแล้ว
เสี้ยววินาทีที่ทะลุข้ามผ่านประตูตำหนัก หลัวซิวยังไม่ทันมองเห็นภาพเหตุการณ์ที่อยู่ภายในได้อย่างชัดเจน จู่ ๆ ก็สัมผัสได้ว่ามีความรู้สึกหวาดกลัวเสี้ยวหนึ่งส่งตรงมาจากเส้นลมปราณ
เส้นลมปราณของเขาถูกหลอมสร้างให้กลายเป็นเส้นลมปราณที่สมบูรณ์โดยเศษฎีกาค่าย ซึ่งสามารถทำให้ผลการฝึกตนโคจรอยู่ภายในร่างกายได้อย่างสมบูรณ์แบบ แล้วปลดปล่อยพลานุภาพที่แข็งแกร่งมากที่สุดออกมา
แต่วินาทีนี้กลับมีความหวาดกลัวส่งตรงมาจากเส้นลมปราณที่สมบูรณ์แบบแล้ว นี่จึงทำให้หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะนึกถึงฎีกาค่าย!
หรือว่าความลับของสถานที่ดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับฎีกาค่ายในตำนาน?
ไท่ซ่างฉิง ณ กาลเวลาที่ผ่านมายาวนานอย่างไม่รู้จบเป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่อยู่เหนือกฎเทียนเต้า ยึดกุมเกณฑ์ ยิ่งกว่านั้นคือในยุคสมัยที่เขาคงอยู่นั้น อีกเพียงก้าวเดียวเขาก็แทบจะสามารถเดินขึ้นไปบนมหาบัลลังก์อันดับหนึ่งของจักรวาลแล้ว
ด้วยเหตุนี้สมบัติทั้งหมดที่อยู่ในจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ สิ่งที่สามารถทำให้ใจหลัวซิวเต้นได้นั้น มีไม่เยอะจริง ๆ
ประวัติศาสตร์ของจักรวาลนี้ยาวนานอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เล่ากันว่าครั้นเมื่อกำเนิดจักรวาลใหม่ ๆ ในยุคสมัยที่เพิ่งกำเนิดมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งแปดถูกเรียกว่ายุคไท่ชู
ต่อมาหลังจากผ่านพ้นกาลเวลาที่ยาวนานแล้ว วัฒนธรรมวิถียุทธ์ก็ค่อย ๆ บังเกิด ผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานท่านหนึ่งหลอมสร้างกงล้อวัฏจักรธรรม แล้วใช้สิ่งล้ำค่าดังกล่าวควบคุมวัฏสงสารฟ้าดิน ควบคุมระเบียบของกฎเทียนเต้า
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นก็สิ้นสุดยุคไท่ชู แล้วเข้าสู่ยุควัฏสงสาร เก้าสวรรค์สิบปฐพีล้วนอยู่ในการควบคุมของจ้าววัฏสงสารของแต่ละยุค
กระทั่งจ้าววัฏสงสารยุคที่แปดค่อย ๆ สลายไป กงล้อวัฏจักรธรรมจึงหายไปอย่างไร้ร่องรอย และเข้าสู่ระยะสุดท้ายของยุควัฏสงสาร
และไท่ซ่างฉิงก็ผุดขึ้นมาในระยะสุดท้ายของยุควัฏสงสารอย่างฉับพลัน ดังนั้นจักรวาลฟ้าดินนี้จึงเข้าสู่ยุคสมัยที่ใหม่เอี่ยม ยุคมหาศักดิ์!
ชั่วชีวิตหนึ่งของไท่ซ่างฉิง เขาได้พบเห็นรู้จักความวิเศษและความมหัศจรรย์มามาก ยิ่งกว่านั้นคือเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าก็คือเคล็ดเซียนสูงสุดที่เขาริเริ่มในอดีต หากฝึกมันให้ถึงขีดสุด จะสามารถวิวัฒนาการดาราจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลออกมากดอัดศัตรูทั้งปวง
เรียกได้เลยว่าวรยุทธ์พลังอมตะทุกประเภทที่เขาเคยพบเห็นรู้จักคือขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ ถึงแม้จำนวนวรยุทธ์ที่อยู่ในวัฏสงสารจะมีเยอะมากถึงมากที่สุด ทว่าระดับของวรยุทธ์กลับอยู่ต่ำกว่ากฎเทียนเต้า แต่ไท่ซ่างฉิงกลับรู้จักเคล็ดเซียนจำนวนมากที่ข้องเกี่ยวถึงความลี้ลับของกฎโดยตรง
แต่ในจำนวนวรยุทธ์ทั้งหมด ก็มีสิ่งที่จิตใจไท่ซ่างฉิงเฝ้าเลื่อมใสศรัทธาถึงเช่นกัน ซึ่งนั่นก็คือหนึ่งฎีกา สองหนังสือ สามคัมภีร์
หนึ่งฎีกานั้นหมายถึงฎีกาค่าย ซึ่งมันคือต้นแบบวิถีค่ายตั้งแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบัน ความลี้ลับของค่ายกลจำนวนมากที่คนรุ่นหลังสืบทอดต่อมา ล้วนมีบ่อเกิดจากฎีกาค่าย สองหนังสือนั้นหมายถึงหนังสือยุทธภัณฑ์ เล่ากันว่ามันคือวิชาสูงสุด และยิ่งเป็นมนตราสูงสุดที่หลัวซิวเพ้อฝันอยากได้เพื่อฝึกเซ่นร่างตนให้กลายเป็นอัญแห่งบรรลุ
ส่วนสามคัมภีร์นั้นก็คือคัมภีร์โอส เคล็ดเทวกลั่นวิญญาณที่อยู่ในคัมภีร์นั้นคือเคล็ดเซียนกลั่นวิญญาณอันดับหนึ่งในจักรวาลฟ้าดินอย่างแน่นอน
ชั่วชีวิตนี้ หลัวซิวได้ริเริ่มวิถีสูงสุดที่อยู่เหนือเคล็ดแสงดาวเทียนเต้า วิถีหมื่นจักรวาลไร้รูปของเขาต้องผ่านการปรับปรุงให้สมบูรณ์ขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งต้องการแรงบันดาลใจจากฎีกาค่าย คัมภีร์โอสถและหนังสือยุทธภัณฑ์มาก ๆ
ตำนานเล่ากันว่าความเป็นมาของหนังสือคัมภีร์ฎีกาทั้งสามประเภทนี้เก่าแก่อย่างมาก ถึงขั้นสามารถสืบสาวเรื่องราวไปจนถึงยุคไท่ชูที่เก่าแก่ที่สุด ตกลงผู้ใดเป็นผู้ริเริ่มและทิ้งการถ่ายทอดสืบสานเหล่านี้ไว้นั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถศึกษาค้นคว้าและพิสูจน์ได้แล้ว
ชั่วชีวิตของไท่ซ่างฉิง เขาตามหาอยู่ในโลกหล้าอย่างยากลำบาก แต่ก็ไม่เคยเจอหนังสือคัมภีร์ฎีกาเลย แต่โชคชะตาของภพชาตินี้กลับดีมากจนน่าทึ่ง ได้รับเศษฎีกาค่ายไม่ว่า ยิ่งได้รับคัมภีร์โอสถฉบับสมบูรณ์อีก!