มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2370
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น อี้ซิวเชิงนั่นก็ปลดปล่อยอาณาจักรกฎของตัวเองออกมา เขาคือผู้แข็งแกร่งแดนจักรพรรดิเทพ เนื่องจากกฎความตายเป็นสิ่งที่ฝึกยากมาก ๆ ดังนั้นเขาจึงฝึกกฎความตายถึงขั้น 9 เท่านั้น บรรลุถึงแดนจักรพรรดิเทพได้ด้วยกฎไท่หยินขั้น 10
พลังแห่งไท่หยินในหยินหยางสองขั้วนั้น ถือเป็นแขนงย่อยของพลังแห่งความตาย อาณาจักรกฎที่ถูกปลดปล่อยออกมาโดยผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพคนหนึ่ง อย่าว่าแต่ผู้น้อยมกุฎเทพคนหนึ่งเลย ต่อให้เป็นจ้าวมหาเทพขั้นสูงก็ต้านทานได้ยากเช่นกัน
ปัจจุบันกฎไร้ลักษณ์ของหลัวซิวสามารถวิวัฒนาการได้แค่พลังแห่งกฎขั้น 8 แม้เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วยังห่างไกลจากกฎขั้น 10 มาก ๆ ทว่าบนตัวเขากลับมีตำหนักวัฏสงสารและลูกแก้วความเป็นตาย เมื่อหลอมรวมสี่กฎชั้นยอดอย่างการเวียนว่ายตายเกิดและห้วงเวลา สามารถหล่อเลี้ยงพลังแห่งเกณฑ์วัฏสงสารออกมาได้เสี้ยวหนึ่ง
ดังนั้นเมื่ออาณาจักรกฎของอี้ซิวเชิงกดอัดมา จึงสร้างผลกระทบใด ๆ ให้หลัวซิวไม่ได้ด้วยซ้ำ เงาร่างของเขากระพริบทีหนึ่ง มีเงาสะท้อนของวัฏสงสารปรากฏหลังศีรษะ หมัดจ้านเทียนพุ่งซัดเข้าไปโดยตรง
หากอาศัยแค่พลังอมตะอย่างหมัดจ้านเทียน ต้องไม่สามารถทำอะไรผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดปลุกเสกด้วยเกณฑ์วัฏสงสารเสี้ยวหนึ่ง ก็จะต่างกรรมต่างวาระเปรียบเทียบกันไม่ได้แล้ว
พลังแห่งเกณฑ์อยู่เหนือกฎทั้งปวง ซึ่งเป็นพลังที่มีเพียงผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเจ็ดถึงจะสามารถควบคุมได้!
สีหน้าของอี้ซิวเชิงเปลี่ยนไป เขานึกไม่ถึงเลยว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงผู้น้อยมกุฎเทพคนหนึ่ง แต่กลับสามารถมองข้ามพลังอำนาจจากกฎของตัวเองได้ และสิ่งที่เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นคือหมัดหนึ่งที่เจ้าหมอนั่นโจมตีมา ถึงกับมีพลังที่ทำให้เขายังรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยแฝงซ่อนอยู่ด้วย
เมื่อคิดเช่นนี้ได้ ถึงแม้อี้ซิวเชิงจะอยู่ในแดนจักรพรรดิเทพก็ไม่กล้าประมาทเช่นกัน ภายในร่างกายมีแสงเรืองกระพริบระยิบระยับ กำลังจะเรียกอาวุธมหาจักรพรรดิชีวีของตนเองออกมา
สาเหตุที่แดนจักรพรรดิเทพแข็งแกร่งนั้น นอกเหนือจากยึดกุมกฎขั้น 10 แล้ว อาวุธมหาจักรพรรดิก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญเช่นกัน จักรพรรดิเทพที่มีอาวุธมหาจักรพรรดินั้น จะทำให้ศักยภาพเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าหนึ่งเท่าตัว
หึ่ง!
และในเวลานี้เอง ก็มีออร่าที่ลึกลับและมหัศจรรย์แผ่กระจายออกมาจากเงาสะท้อนวัฏสงสารที่อยู่ด้านหลังหลัวซิว ทำให้อี้ซิวเชิงรู้สึกว่าเวลาและปริภูมิรอบกายตนเองต่างถูกทำให้หยุดนิ่งลง ณ เสี้ยววินาทีนั้น
ได้รับผลกระทบจากพลังแห่งเกณฑ์วัฏสงสาร อี้ซิวเชิงไม่ทันเรียกอาวุธมหาจักรพรรดิที่อยู่ในร่างกายตัวเองออกมาได้เลยด้วยซ้ำ หมัดของหลัวซิวก็มาถึงตรงหน้าเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ปั้ง!”
อี้ซิวเชิงถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปภายในพริบตา ร่างกายพุ่งชนเข้ากับผนังตำหนักใหญ่เผ่าจี้อย่างรุนแรง ก่อนจะกระแทกลงพื้นอย่างจนตรอก
มีพลังแห่งกฎขั้น 10 คุ้มกันร่าง แท้จริงแล้วหมัดนี้ของหลัวซิวสร้างความเสียหายให้เขาไม่มากนัก สาเหตุที่เสียเปรียบนั้นก็เป็นเพราะเขาไม่เข้าใจอุบายของหลัวซิว ภายใต้สถานการณ์ที่กะทันหัน จึงไม่ทันได้ตอบสนอง
ทว่าท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย จักรพรรดิเทพผู้สง่าผ่าเผยกลับถูกผู้น้อยมกุฎเทพคนหนึ่งโจมตีจนสภาพจนตรอกเช่นนี้ สำหรับอี้ซิวเชิงแล้ว นี่เป็นความอัปยศอดสูที่เขาอดทนไม่ได้อย่างแน่นอน!
อั่ก!
ใบหน้าที่เหี่ยวแห้งของอี้ซิวเชิงแดงเถือก อ้าปากแล้วกระอักเลือดสีแดงสด ซึ่งนี่ไม่ได้เป็นเพราะถูกโจมตีโดยหลัวซิว แต่เป็นเพราะความอัดอั้นตันใจ ความรู้สึกอัปยศอดสูที่ลึกซึ้งทำให้จิตสังหารบนตัวเขาเดือดพล่านถึงขีดสุด
“หึ!”
นายแห่งเผ่าจี้ทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง จิตสังหารที่อยู่บนตัวอี้ซิวเชิงจึงถดถอยลงไปภายในพริบตาปานกระแสน้ำ ถูกพลังอำนาจของนายแห่งเผ่าจี้กดอัดจนกลับเข้าสู่ร่าง ความรู้สึกอัดอั้นตันใจถึงขีดสุดเช่นนี้ทำให้เขาอดทนไม่ไหว จนกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ใบหน้าหม่นหมองถึงขีดสุด
“หลัวซิวคือสหายของเผ่าจี้ข้า และเป็นผู้มีพระคุณของเผ่าจี้เช่นกัน ไม่ให้ความเคารพสหายเผ่าจี้ของข้าในเผ่าจี้ ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับเผ่าจี้ของข้า!”
นายแห่งเผ่าจี้ก็ดูออกแล้วเช่นกันว่าเมื่อครู่หลัวซิวใช้เล่ห์เหลี่ยม ถึงแม้เขาจะทราบอยู่ว่าหลัวซิวมีอุบายสามารถสังหารอี้ซิวเชิงผู้นี้ได้ แต่เวลานี้กลับไม่เหมาะกับการเข่นฆ่าต่อหน้า
“ถอยลงไป!”
