เสียงที่แหบแห้งของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิดังขึ้น เยือกเย็นและไม่มีความรู้สึกใด ๆ ปนอยู่
“มหาจักรพรรดิยุทธ์์ ข้า……”
อี้ซิวเชิงยังอยากพูดอะไรบางอย่างต่อ ทว่าเมื่อสายตาที่หม่นหมองของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิร่วงลงบนตัวเขา อี้ซิวเชิงจึงสั่นสะดุ้งทีหนึ่ง ไม่กล้าพูดจาไร้สาระต่อแม้แต่คำเดียว ถอยไปยืนอยู่ด้านหลังมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิอย่างเคารพนอบน้อม
วินาทีนี้ สายตาของจักรพรรดิเทพทุกท่านที่อยู่ในที่เกิดเหตุล้วนร่วงลงบนตัวหลัวซิวอย่างอดไม่ได้
ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือเล่ากันตั้งนานแล้วว่าหลัวซิวผู้นี้ที่มีผลการฝึกตนระดับมกุฎเทพ เคยสังหารจักรพรรดิเทพบนแท่นบูชาเทพมาร ผู้อาวุโสจักรพรรดิเทพตระกูลมู่และบรรพอาจารย์เทียนหยุนก็ตายอยู่ในเงื้อมมือเขานี่แหละ
และผู้ที่แพร่งพรายเรื่องดังกล่าวก็ต้องเป็นผู้อาวุโสหงอยู่แล้ว ทว่าผู้ที่เชื่อในเรื่องนี้กลับมีไม่มากนัก เนื่องจากต่อให้มกุฎเทพคนหนึ่งจะยอดเยี่ยมแหกกฎสวรรค์มากเพียงใด ก็ไม่มีทางข้ามขั้นสังหารจักรพรรดิเทพได้แน่นอน
มาตรแม้นว่าเมื่อครู่หลัวซิวจะใช้หมัดหนึ่งโจมตีอี้ซิวเชิงจนกระเด็นออกไป จักรพรรดิเทพทั้งหลายก็ไม่รู้สึกอะไรมากนัก ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าอี้ซิวเชิงเป็นเพียงจักรพรรดิเทพขั้น 1 หลัวซิวก็อาศัยอุบายพิเศษถึงเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ หากอี้ซิวเชิงมีการเตรียมป้องกันล่วงหน้าละก็ จะไม่โดนเขาตลบหลังเลยด้วยซ้ำ
เงาสะท้อนที่ลักษณะเหมือนรูเล็ตนั่นลึกซึ้งจนไม่อาจคาดเดาได้ เหล่าจักรพรรดิเทพที่อยู่ในที่เกิดเหตุล้วนสัมผัสได้ถึงออร่าประเภทหนึ่งที่อยู่เหนือกฎ และออร่าประเภทนี้ก็คือพลังแห่งเกณฑ์อย่างไร้ข้อสงสัยเลย!
พลังแห่งเกณฑ์ในตำนานนั้น มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่อยู่เหนือระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์์ถึงจะสามารถควบคุมได้ และในมหาโลกาพันสาม ยังไม่เคยมีคนประเภทนี้อุบัติขึ้นมาก่อน ดังนั้นตระกูลสำนักจักรพรรดิทั้งหลายถึงได้แสวงหาอัญเกณฑ์ในแดนเทวนิรันกาลอย่างไม่หยุดหย่อน
เมื่อนึกโยงถึงข่าวลือในแดนเทวนิรันกาล แววตาของจักรพรรดิเทพไม่น้อยในที่เกิดเหตุจึงเป็นประกายขึ้นมา ในเมื่อเมื่อครู่หลัวซิวนี่ใช้พลังแห่งเกณฑ์ เช่นนั้นก็หมายความว่าบนตัวเขาต้องมีสมบัติที่มีพลังแห่งเกณฑ์แฝงซ่อนอยู่อย่างแน่นอน ซึ่งมีโอกาสเป็นสมบัติที่ได้รับจากแดนเทวนิรันกาลสูงมาก ๆ หรือไม่ก็เขาเจอโชคและโอกาสไร้เทียมทานอื่น
ไม่ว่าจะเป็นความเป็นไปได้แบบใด สิ่งล้ำค่าชิ้นหนึ่งที่มีพลังแห่งเกณฑ์แฝงซ่อนอยู่นั้น ล้วนสามารถทำให้จักรพรรดิเทพทุกคน ตลอดจนมหาจักรพรรดิยุทธ์์หวั่นไหวได้แล้ว!
ในบรรดาผู้คนทั้งหมด ก็มีเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิเท่านั้นที่สีหน้าเรียบนิ่งเหมือนเคย เนื่องจากเขาทราบอยู่ว่าบนตัวหลัวซิวมีเศษกงล้อวัฏจักรธรรม อีกทั้งเขาก็ทราบเช่นกันว่าเมื่อครู่หลัวซิวได้ใช้พลังแห่งเกณฑ์ ซึ่งเป็นพลังเสี้ยวหนึ่งของเกณฑ์วัฏสงสาร
สายตาของมหาจักรพรรดิยุทธ์์จ้านเทียนก็ดูเข้มงวดขึ้นมาเช่นกัน เขาคือมหาจักรพรรดิยุทธ์์ก็จริง แต่ยังอยู่ห่างจากการยึดกุมเกณฑ์ไกลมาก ๆ แต่ผู้น้อยคนนี้เป็นเพียงมกุฎเทพ ก็สามารถใช้พลังแห่งเกณฑ์สร้างผลกระทบให้แก่จักรพรรดิเทพได้ในระดับที่แน่นอน สักวันหากปล่อยให้เขาฝึกตนถึงแดนจักรพรรดิเทพ ถึงครานั้นพลังแห่งเกณฑ์ที่เขาใช้นั้นก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน เช่นนั้นก็หมายความว่าตนเองที่เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์์ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขามิใช่หรือ?
“แม้แต่มกุฎเทพเล็ก ๆ อย่างข้ายังสู้ไม่ไหว ศักยภาพเช่นนี้ก็บังอาจปากดีอย่างนั้นหรือ?”
หลัวซิวหัวเราะอย่างเยือกเย็น แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นสายตาประสงค์ร้ายทั้งหลายที่จับจ้องมาทางตนเอง
สายตาของเขาร่วงลงบนตัวมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิ พลางพูดอย่างเย็นชา: “มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!”
เมื่อพ่นคำพูดดังกล่าวออกมา ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุก็ตกตะลึงอีกครั้ง แม้แต่เปลือกตาของนายแห่งเผ่าจี้ยังกระตุกทีหนึ่ง น้ำเสียงของเจ้าหมอนี่……หรือว่าเขารู้จักมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิ?
“ใช่สิ ไม่เจอกันไม่กี่ปี ศักยภาพของผู้น้อยยิ่งอยู่ยิ่งน่าทึ่งแล้วนะ”
สิ่งที่ทำให้ผู้คนตะลึงและสงสัยมากกว่าคือมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิยิ้มพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง รู้จักกับหลัวซิวจริง ๆ อย่างนั้นหรือ!
ผู้อื่นอาจจะไม่ทราบ แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิกลับเข้าใจดีมาก ๆ ว่าหลัวซิวผู้นี้มีอุบายที่เป็นภัยคุกคามต่อผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเทพ อีกทั้งมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิก็ไม่ทราบเช่นกันว่าหลัวซิวผู้นี้มีไพ่เด็ดอื่น ๆ ที่ทรงพลังกว่าหรือไม่