มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2372
เดิมทีการเดินทางมาเผ่าจี้ในครั้งนี้ เขาก็แสดงลักษณะท่าทีที่แข็งกร้าวออกมาตั้งแต่แรกแล้ว จะให้เผ่าจี้ส่งตัวหลัวซิวออกมา หากฝ่ายตรงข้ามไม่ส่งตัวคนออกมาหรือหลัวซิวไม่ปรากฏตัว เช่นนั้นก็หมายความว่าพวกเขาเกรงกลัวตนเอง ไม่มีอุบายที่สามารถต่อกรกับตนเองได้
แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิคิดไม่ถึงคือ หลัวซิวไม่เพียงปรากฏตัวด้วยตนเอง ยิ่งจองของพองขนมากด้วย นี่จึงทำให้มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิเดาทางไม่ค่อยถูก เขารู้สึกว่าการที่หลัวซิวไม่ยี่หระปานนี้ แสดงว่าหลัวซิวต้องมีที่พึ่งพิงอย่างแน่นอน
“เบื้องล่างไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร การที่ถูกผู้น้อยอบรมสั่งสอนนั้นก็เป็นเรื่องสมควรอยู่ วันนี้ที่ข้ามาเยี่ยมเยียนเผ่าจี้นั้น ก็เพื่อปรึกษาหารือเรื่องหุบเขาทุคติ”
สิ่งที่ทำให้ทุกคนต่างคาดไม่ถึงคือมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิไม่ซักถามเรื่องที่หลัวซิวโจมตีผู้อาวุโสสำนักจักรพรรดิมรณะจนบาดเจ็บอย่างชิลล์สบายมาก ๆ และสิ่งที่ทำให้ผู้คนไม่เข้าใจยิ่งกว่าคือราวกับว่าภายในน้ำเสียงของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิคนนี้ ฟังดูเหมือนไม่ค่อยอยากเป็นศัตรูกับหลัวซิวยังไงอย่างนั้น
ตกลงหลัวซิวนี่มีที่พึ่งพิงหรือความเป็นมาอย่างไรกันแน่? ถึงกับสามารถทำให้มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิในตำนานหลีกเลี่ยงที่จะเป็นศัตรู?
ไม่ใช่แค่คนในสำนักจักรพรรดิมรณะและสำนักจักรพรรดิจ้านเทียนเท่านั้น แม้แต่นายแห่งเผ่าจี้และเหล่าผู้อาวุโสก็ไม่เข้าใจสถานการณ์เช่นกัน มีเพียงหลัวซิวและมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิเท่านั้นที่ทราบดีว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร
เมื่อได้ยินคำพูดของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิ หลัวซิวจึงพูดคำว่าเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ในใจ ไอ้โครงกระดูกแก่นี่หากไม่มีธุระมันไม่มาแน่ การมาเยี่ยมเยียนเผ่าจี้ในครั้งนี้ มาเพื่อวังเทียนหมิงนั่นในหุบเขาทุคติ
“หุบเขาทุคตินั่นก็เป็นเพียงแดนปริศนาทั่วไปแห่งหนึ่งเท่านั้นแหละ ไม่ทราบว่าเหตุใดมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิจึงสนใจสถานที่แห่งนั้นหรือ?”หลัวซิวยิ้มอ่อนพลางถาม
แท้จริงแล้วเขาก็สงสัยมาก ๆ เช่นกันว่าความเป็นมาของวังเทียนหมิงนั่นเป็นอย่างไรกันแน่ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเมื่อหลายล้านปีก่อนมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิเคยเดินทางไปที่นั่นครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นการไม่ให้คนอื่นค้นพบวังเทียนหมิง ดังนั้นจึงใช้ชี่ทมิฬจิ่วโยวผนึกเขตพื้นที่บริเวณนั้นเอาไว้
เขาสามารถสัมผัสได้อยู่ว่าศักยภาพของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิยังไม่ฟื้นฟูกลับคืนมาโดยสิ้นเชิง หลังจากเผ่าจี้ยึดครองหุบเขาทุคติแล้ว เขาก็เปิดตัวสู่โลกภายอย่างกลั้นใจไม่ไหว เดินทางมาด้วยตนเอง จึงแสดงให้เห็นว่าวังเทียนหมิงนั่นต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“ผู้น้อยหลัวอายุยังน้อยแต่ก็สามารถยึดกุมพลังแห่งเกณฑ์ได้แล้ว ช่างหน้าทึ่งเสียจริง”และในเวลานี้เอง จู่ ๆ มหาจักรพรรดิยุทธ์์จ้านเทียนที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดก็เอ่ยปากพูดประโยคหนึ่ง
พลังแห่งเกณฑ์ นั่นเป็นพลังที่แม้แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์์ยังน้ำลายไหลย้อย ตั้งแต่โบราณกาลมาจำนวนมหาจักรพรรดิยุทธ์์ที่เคยบังเกิดในมหาโลกาพันสามก็มีไม่น้อยเช่นกัน แต่กลับไม่เคยมีมหาจักรพรรดิยุทธ์์คนใดสามารถยึดกุมเกณฑ์ อยู่เหนือแดนแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์์
หลัวซิวแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดหยั่งเชิงของมหาจักรพรรดิยุทธ์์จ้านเทียน ทำท่าคารวะไปทางมหาจักรพรรดิยุทธ์์จ้านเทียนพลางพูด: “ผู้น้อยแค่ยึดกุมพลังแห่งเกณฑ์เสี้ยวหนึ่งที่เล็กน้อยมากจนไม่มีค่าพอที่จะพูดถึง ทำให้มหาจักรพรรดิยุทธ์์ได้เจอเรื่องขบขันเลยนะขอรับ”
“ผู้ที่เที่ยงธรรมและบริสุทธิ์ใจไม่อ้อมค้อม แม้นหุบเขาทุคติจะดูเป็นแดนปริศนาที่ธรรมดาเรียบง่าย ทว่าส่วนลึกของภายในกลับมีแดนปริศนาที่แท้จริงแฝงซ่อนอยู่หนึ่งแห่ง ซึ่งมีนามว่าวังเทียนหมิง เผ่าจี้ใช้พลังอำนาจที่เร็วปานสายฟ้าล้มล้างสวนเขาเขี้ยวมังกร ยึดครองหุบเขาทุคติ เห็นได้เลยว่าก็ค้นพบความลับที่อยู่ในแดนปริศนานี้แล้ว ครั้งนี้ข้าและผู้เพื่อนยุทธ์ยจ้านเทียนเดินทางมาด้วยตนเอง ก็เพื่อวังเทียนหมิง ไม่ทราบว่าเผ่าจี้มีสิ่งใดจะกล่าวหรือไม่?”มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง ดวงตาคู่นั้นที่แฝงซ่อนอยู่ในชุดคลุมยาวดำเขม็งมองไปทางนายแห่งเผ่าจี้
สำหรับเรื่องของวังเทียนหมิงนั้น หลัวซิวก็บอกเล่าให้เผ่าจี้ฟังแล้วเช่นกัน ดังนั้นหลังจากเผ่าจี้ยึดครองหุบเขาทุคติแล้ว นายแห่งเผ่าจี้และเหล่าผู้อาวุโสจึงเข้าไปสำรวจด้วยตัวเองครั้งหนึ่ง แล้วค้นพบสถานที่ที่มีชี่ทมิฬจิ่วโยวปิดผนึก
ภายในชี่ทมิฬจิ่วโยวนั่นมีกฎความตายขั้น 10 แฝงซ่อนอยู่ ทว่าจากภูมิฐานอุบายของเผ่าจี้ ก็สามารถฝ่าฟันเข้าไปได้เช่นกัน แล้วค้นพบวังเทียนหมิงที่แฝงซ่อนอยู่ภายใน