มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2375
ในแดนปริศนาเผ่าจี้ มีเขตแดนผืนหนึ่งที่ถูกแบ่งแยกออกมาโดยเฉพาะ เพื่อจัดให้เป็นสถานพักพิงของตระกูลเทพสงคราม
แม้ระดับความเสื่อมถอยของตระกูลเทพสงครามจะสาหัสกว่าเผ่าจี้มาก ๆ แต่ในยุคสมัยอันไกลโพ้นนั่น ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเผ่าก็ใกล้ชิดมาก ๆ ต่างเป็นเผ่าใหญ่ที่ตั้งตระหง่านและมั่นคงดั่งขุนเขาอยู่ในระดับขั้นสูงสุด
หลัวซิวเพิ่งกลับมาไม่นาน ผู้อาวุโสจี้หยวนฉงก็มาถึงแล้ว อีกทั้งปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาของนายแห่งเผ่าจี้ นำเหล็กเศษณ์ทองเซียนจำนวนมากรวมไปถึงวัตถุดิบเซียนต่าง ๆ กลับมา
ในส่วนของเหล็กเศษณ์ทองเซียนระดับหกนั้น ในเผ่าจี้ก็ไม่มีเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นคือแม้นต้องตามหาในทั้งมหาโลกาพันสาม ก็ตามหาวัตถุดิบระดับนี้ได้ยากมาก ๆ
เมื่อมีวัตถุดิบเหล่านี้แล้ว หลัวซิวจึงเริ่มเตรียมตัว จากศักยภาพของเขา ณ ปัจจุบัน การข้ามขั้นกลั่นหุ่นเชิดระดับจักรพรรดิเทพนั้น เป็นงานที่ขั้นตอนซับซ้อน อีกทั้งไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเหลือเขาได้ด้วย แม้ในเผ่าจี้จะมีจักรพรรดิเทพหกคน แต่กลับไม่มีผู้ใดที่เป็นมหาปรมาจารย์ค่ายเทพเลย
ระยะเวลาสิบปีของโลกภายนอก เท่ากับสองร้อยกว่าปีในโลกาศุภร หลัวซิวเข้าใจดีมาก ๆ ว่าถึงแม้จะใช้เวลาทั้งหมดนี้มาฝึกตน ผลการฝึกตนของเขาสามารถฝึกถึงมกุฎเทพช่วงปลายก็ถือว่าถึงขีดจำกัดแล้ว
และมาตรแม้นว่าเขาจะฝึกถึงมกุฎเทพช่วงปลาย ก็ไม่สามารถทำถึงขั้นต่อกรกับมหาจักรพรรดิยุทธ์์ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงอาศัยกำลังภายนอก
เหล็กเศษณ์ทองเซียนต่าง ๆ ที่เก็บไว้ในแหวนเก็บของถูกเขาทยอยเอาออกมา ก่อนที่เขาจะเริ่มกลั่นส่วนประกอบของหุ่นเชิดตามหน้าที่ของตนเอง
หุ่นเชิดในวิถีค่ายกล ยิ่งเป็นหุ่นเชิดที่แข็งแกร่ง โครงสร้างของค่ายกลก็ยิ่งซับซ้อน ส่วนประกอบที่แตกต่างมีการสลักจารึกสัญลักษณ์ค่ายกลและลายเส้นที่แตกต่างกัน หุ่นเชิดที่แข็งแกร่งตัวหนึ่งจะกำเนิดได้ก็ต่อเมื่อโคจรสัญลักษณ์ค่ายกลและลายเส้นที่นับไม่ถ้วนพร้อมกัน
หลัวซิวอ้างอิงไม้แบบของหุ่นเชิดจากรูปร่างภายนอกของคาดิสลาร์มาเป็นพื้นฐานในการกลั่น การที่จะกลั่นแปรเหล็กเศษณ์ทองเซียนระดับห้านั้น ต้องใช้พลังแห่งกฎเพลิงอัคคีขั้น 10 ดังนั้นหลัวซิวจึงทำได้เพียงร่างรวมกับอสูรดูดจิต ถึงจะสามารถทำขั้นตอนนี้ได้
ในขณะเดียวกัน ยันต์ค่ายลายค่ายที่สลักอยู่ในส่วนประกอบของหุ่นเชิด ก็ต้องสลักด้วยพลังแห่งกฎขั้น 10 เช่นกัน
สิ่งที่โชคดีคือการกลั่นแปรวัตถุดิบ สลักลายค่ายไม่ได้สูญเสียผลการฝึกตนอย่างรุนแรงดั่งขณะต่อสู้ ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลัวซิวจึงสามารถคงอยู่ในสภาวะอย่างการร่างรวมได้นานกว่าหน่อย
แต่ทว่าทุกครั้งที่อภินิหารรวมร่างถูกปลดออก แม้อสูรดูดจิตจะไม่นอนหลับใหลอีกครั้ง แต่ก็อ่อนแอมาก ๆ ต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งเพื่อฟื้นฟู
ทุกอย่างดำเนินการไปตามนี้ เวลาล่วงเลยไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว โลกภายนอกก็ผ่านไปเจ็ดปีแล้ว แต่ภายในโลกาศุภรกลับผ่านไปเพียงร้อยกว่าปี
ณ สถานที่ปิดขังของหลัวซิว เห็นได้ชัดเจนเลยว่าสีหน้าของเขาดูซีดเซียว อาศัยกำลังแรงของตนเองกลั่นหุ่นเชิดระดับจักรพรรดิเทพสามตัว อีกทั้งยังอยู่ในสภาวะข้ามขั้นด้วย สำหรับสภาพจิตใจของเขาแล้ว นี่เป็นการสูญเสียผลการฝึกตนยิ่งใหญ่มาก ๆ
ปัจจุบันใช้เวลาไปหนึ่งร้อยกว่าปี ในที่สุดหัวใจสำคัญของหุ่นเชิดจักรพรรดิเทพทั้งสามตัวก็ถือว่ากลั่นสำเร็จสักที พยายามทำให้ส่วนประกอบเล็ก ๆ สมบูรณ์ไร้ที่ติทุกจุด จะได้ไม่มีช่องโหว่ใด ๆ เกิดขึ้น
และการกลั่นหัวใจสำคัญสำเร็จ เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น สิ่งที่ต้องทำในขั้นตอนต่อไปกลับเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า นั่นก็คือกลั่นแกนกลางของหุ่นเชิด!
แกนกลางของหุ่นเชิดก็เหมือนดั้งเดิมของนักยุทธ์ เหมือนดั่งชีวิตและวิญญาณของหุ่นเชิด บนตัวหุ่นเชิดตัวหนึ่ง สิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดก็คือแกนกลางของมัน และเป็นสิ่งที่กลั่นยากที่สุดเช่นกัน
หุ่นเชิดจักรพรรดิเทพที่กลั่นออกมาโดยเหล็กเศษณ์ทองเซียนระดับห้า ตามหลักทฤษฎีแล้วมันไม่มีทางมีกำลังรบที่เทียบทัดระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์์ เนื่องจากพลังที่วัตถุดิบเซียนระดับห้าสามารถรองรับได้นั้น ไม่สามารถรองรับการปลุกเสกจากพลังที่ทรงพลังมากเกินไป