มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2380
“มหาจักรพรรดิยุทธ์์พูดถูก หากไม่มีปัญญาออกแรงละก็ ไสหัวออกไปตั้งแต่เนิ่น ๆ ดีกว่า!”อี้ซิวเชิงคว้าโอกาสได้ จึงกีดกันหลัวซิวอย่างไร้ความปราณี
สายตาของมหาจักรพรรดิยุทธ์์จ้านเทียนก็จับจ้องไปทางหลัวซิวเช่นกัน สีหน้าเย็นชา เห็นได้ชัดเจนเลยว่าก็รู้สึกเช่นกันว่าในเมื่อหลัวซิวมาแล้ว หากไม่สามารถช่วยเหลือฝ่ายตรงข้ามได้ จึงจะไม่ถูกผู้คนที่อยู่ที่นี่ยอมรับ
“เหอะ ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าน้อยจะออกแรงที่เบาบางหน่อยแล้วกัน”หลัวซิวหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ ยกมือขึ้นมาโบกทีหนึ่ง จึงมีแสงที่สว่างไสวกระพริบระยิบระยับ ถัดจากนั้นยักษ์ตัวหนึ่งที่สูงหลายร้อยเมตรก็ปรากฏข้างกายเขา
ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว สายตาของทุกคนล้วนถูกยักษ์ตัวนั้นดึงดูดไป เห็นเพียงทั่วทั้งร่างกายของยักษ์ตัวนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยเกล็ดสีเขียว ตรงหว่างคิ้วมีตราประทับอัสนีหนึ่งตรา มีสายฟ้าลอยวนเป็นเกลียวอยู่รอบกาย ออร่าสามารถเทียบทัดจักรพรรดิเทพช่วงกลาง!
“หุ่นเชิดระดับจักรพรรดิเทพ?!”สีหน้าของมหาปรมาจารย์ค่ายเทพทั้งสามคนเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ในฐานะที่เป็นมหาปรมาจารย์ค่ายเทพ พวกเขาก็เข้าใจวิถีหุ่นเชิดเช่นกันขฌ แต่ทว่าคนเหล่านี้เชี่ยวชาญเรื่องค่ายกล เชี่ยวชาญวิถีหุ่นเชิดค่อนข้างน้อย
หุ่นเชิดระดับจักรพรรดิเทพเป็นสิ่งที่หาพบได้น้อยมากอย่างแน่นอน มาตรแม้นว่าเป็นมหาปรมาจารย์ค่ายเทพที่เชี่ยวชาญเรื่องสร้างหุ่นเชิด ก็กลั่นออกมาได้ยากมาก ๆ อย่างไรเสียการจะสร้างหุ่นเชิดระดับจักรพรรดิเทพหนึ่งตัวนั้น มันยากกว่าการกลั่นของขลังอาวุธสงครามมหาจักรพรรดิเทพหนึ่งชิ้นหลายเท่าเลย
อีกทั้งร่างกายของหุ่นเชิดจักรพรรดิเทพก็กลั่นโดยเหล็กเศษณ์ทองเซียนระดับห้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ร่างกายจึงเทียบเท่าของขลังอาวุธสงครามระดับมหาจักรพรรดิ พลานุภาพในการลงมือโจมตีทรงพลัง ซึ่งเกะกะระรานกว่าจักรพรรดิเทพขั้นปฐมภูมิในนี้ไม่น้อย
“ดูเหมือนกับว่าผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพบางคน ยังออกแรงน้อยกว่าข้าที่เป็นผู้น้อยมกุฎเทพคนหนึ่งเลย ไสหัวออกไปตั้งแต่เนิ่น ๆ ดีกว่า จะได้ไม่เป็นการขายขี้หน้าคน”
หลัวซิวกระโดดทีหนึ่ง ร่วมลงบนไหล่หุ่นเชิดจักรพรรดิเทพ แล้วมองอี้ซิวเชิงด้วยสายตาที่เยือกเย็นรอบหนึ่งพลางพูดถากถาง
อี้ซิวเชิงโกรธเกรี้ยวอย่างมากหญ แต่เขาก็รู้สึกช็อกต่อหุ่นเชิดจักรพรรดิเทพที่หลัวซิวเอาออกมาเช่นกัน จู่ ๆ เขาก็รู้สึกปิติยินดีอย่างไม่มีเหตุผลที่ไม่ได้ลงมือขณะอยู่ทางเข้าหุบเขาทุคติ มิเช่นนั้นละก็ เกรงว่าเขาที่เป็นจักรพรรดิเทพขั้น 1 ยังสู้หุ่นเชิดจักรพรรดิเทพช่วงกลางตัวนี้ไม่ไหวเลย
“พอละ เวลานี้อย่าทำสงครามฝีปากอย่างไร้ความหมายเลย ทุกท่านรีบทลายประตูใหญ่แล้วเข้าไปภายในถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”เวลานี้จู่ ๆ มหาจักรพรรดิยุทธ์์จ้านเทียนก็เอ่ยปากพูดคำหนึ่ง
แม้ผู้แข็งแกร่งในที่เกิดเหตุจะมีไม่น้อย ทว่าภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่อง แม้วังเทียนหมิงจะสั่นโยกรุนแรงมากเพียงใด แต่ก็ไม่มีท่าทีที่จะถูกทลายตลอดมา
หลังจากผ่านไปหลายวัน ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพขั้นปฐมบางคนสูญเสียผลการฝึกตนไปสาหัสมาก ๆ จึงต้องหยุดลงอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อนจะกินยาเซียนแล้วเริ่มฟื้นฟูผลการฝึกตน
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนกว่าญห จำนวนคนที่พักก็ยิ่งอยู่ยิ่งมาก มีเพียงนายแห่งเผ่าจี้ มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิและมหาจักรพรรดิยุทธ์์จ้านเทียนทั้งสามที่ยังสามารถโจมตีต่อได้
นอกเหนือจากนี้ สิ่งที่ดึงดูดสายตาผู้คนมากที่สุดก็คือหุ่นเชิดจักรพรรดิเทพของหลัวซิวแล้ว ขอแค่มีพลังที่เพียงพอมากระตุ้น หุ่นเชิดก็จะเหมือนเครื่องจักรนิรันดร์ ไม่มีวันเหนื่อยล้า
หลังจากผ่านไปสองเดือน นายแห่งเผ่าจี้ก็หยุดลงแล้วเช่นกัน อีกไม่กี่วันภายหน้ามหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิและมหาจักรพรรดิยุทธ์์จ้านเทียนก็ต่างพากันหยุดโจมตีบภ เริ่มฟื้นฟูผลการฝึกตนที่ได้รับความเสียหาย
อาศัยมหาจักรพรรดิยุทธ์์สองคน และจักรพรรดิเทพสิบกว่าคนที่ผลการฝึกตนแตกต่างกัน การที่จะทลายค่ายกลระดับเจ็ดเป็นต้นไปนั้น จึงไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว
แต่สำหรับผู้แข็งแกร่งเหล่านี้แล้ว สิ่งที่พวกเขาไม่ขาดแคลนมากที่สุดก็คือเวลา ขั้นตอนการทลายค่ายกลดำเนินการไปนานกว่าหนึ่งปี ในระหว่างนี้ทุกคนล้วนสูญเสียสมบัติทรัพยากรไปเป็นจำนวนมาก หากทลายประตูใหญ่ของวังเทียนหมิงนี่ไม่ได้จริง ๆ ละก็ เกรงว่าการปฏิบัติการในครั้งนี้คงขาดทุนเกินขอบเขตแล้วล่ะ