มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2388
สำหรับคำพูดนี้ของหลัวซิว มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิเลือกทีจะมองข้ามไปเสียอย่างนั้น ทำเหมือนว่าไม่เคยได้ยินสิ่งใด และก็ไม่ได้เอ่ยถึงยาเซียนในขวดหยกนั้นอีก
ท่ามกลางผู้คน สีหน้าของมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนหม่นหมองที่สุด มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิได้รับเคล็ดวิชาวรยุทธ์ที่สุดแสนลึกล้ำ เผ่าจี้ได้รับยาเซียนที่ยังไม่อาจทราบชื่อ มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่ไม่ได้รับสิ่งใดเลย
โครมคราม……
ทันใดนั้นเอง ด้านหน้าของสำนักใหญ่ก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พื้นดินแยกออกเป็นรอบร้าว มีบันไดลึกดำมืดปรากฏขึ้น นำไปสู่สถานที่ที่ไม่รู้จัก
เห็นได้ชัดว่าสำนักใหญ่แห่งนี้ที่ทุกคนยืนอยู่นั้น เป็นเพียงแค่ด้านนอกของวังเทียนหมิงเท่านั้น แค่เพียงในส่วนนี้ ก็ปรากฏสิ่งของที่ไม่สามารถประเมินคุณค่าได้ ในส่วนที่ลึกเข้าไปกว่านี้ของวังเทียนหมิง จะไม่มีโอกาสหรือโชคลาภที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ไปได้อย่างไร?
มหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนแทบรอไม่ไหวที่จะพาคนเดินเข้าไป เมื่อครู่เป็นเพราะเขาเคลื่อนไหวช้าไปหนึ่งก้าว ดังนั้นจึงทำให้ต้องพลาดสมบัติทั้งสองชิ้นไป ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่มีทางเดินรั้งท้ายอีกครั้งเป็นแน่
ในครั้งนี้ มหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนและพวกพ้องเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด แต่วินาทีที่พวกเขาก้าวเข้าสู่บันไดลึกอันเงียบสงัด ก็มีพลังงานที่น่าหวาดเกรงระเบิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
มหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนไม่ได้บาดเจ็บแต่อย่างใด แต่บรรดาจักรพรรดิเทพมากมายที่เขาพามานั้น เนื่องจากไม่ทันได้ตั้งตัว เพียงเสี้ยววินาทีก็มีหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บ ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ใบหน้าของทุกคนต่างเลอะไปด้วยดินและฝุ่น ค่อนข้างน่าเวทนาอยู่ไม่น้อย
เห็นได้ชัดว่า บริเวณทางเข้าของบันไดนี้ก็มีวิชาห้ามค่ายกลอยู่ด้วย เพียงแต่พลังของวิชาห้ามค่ายกลในที่แห่งนี้ไม่สูง ภายใต้การกัดกร่อนของคืนวันที่ยาวนาน พลังอันทรงอำนาจนั้นดูเหมือนจะอ่อนลงจนแทบสิ้น
สำนักจักรพรรดิมรณะและคนของเผ่าจี้ต่างก็ตามกันเข้ามา บันไดนี้ไม่ได้ยาวมาก เดินไปเพียงไม่นาน ปริภูมิด้านหน้าก็พลันสว่างไสวขึ้นมา สำนักใหญ่แห่งหนึ่งที่กว้างขวางโอ่อ่ายิ่งกว่า ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเหล่าผู้คน
มหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนที่เข้ามาเป็นคนแรก สิ่งแรกที่ทำคือกวาดตามองไปทั่วทั้งสี่ทิศ เพราะว่าในที่แห่งนี้ตัวสำนึกถูกควบคุมเอาไว้ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ก็ยังทำได้เพียงใช้สายตากวาดมองออกไปเท่านั้น
หลังจากนั้นสิ่งที่ทำให้ผู้คนผิดหวังก็คือ ที่แห่งนี้ไม่ได้มีแท่นศิลาที่มีสมบัติวางเอาไว้ ทั่วทั้งสำนักใหญ่ว่างเปล่า มีเพียงแค่ ศิลาชิ้นหนึ่ง ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าไม่ไกล
ด้านบนของศิลาชิ้นนี้ สลักเอาไว้สามคำ ‘ภูตสวรรค์ทมิฬ’!
อ้าก!
เสียงกรีดร้องโหยหวนมากมายดังขึ้น นอกจากมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนแล้ว เหล่าผู้อาวุโสจักรพรรดิเทพข้างกายเขาต่างแดดิ้นอยู่บนพื้น ปราณดำอันน่าหวาดผวาปรากฏขึ้นบนร่าง
เมื่อเผ่าจี้และคนของสำนักจักรพรรดิมรณะตามมาถึง เมื่อมองเห็นภาพตรงหน้า ทุกคนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านในใจ
แทบจะภายในชั่วพริบตาเดียว เหล่าผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพก็กลายเป็นกระดูก ปราณดำที่แผ่ออกมาจากร่างของพวกเขา ทั้งหมดต่างลอยไปยังศิลาที่อยู่ด้านหน้าสำนักใหญ่ จากนั้นก็ทะลุเข้าไปยังตัวอักษรสามคำ ‘ภูตสวรรค์ทมิฬ’ ราวกับถูกกลืนกินอย่างไรอย่างนั้น
ส่วนมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียน สองเท้าเหยียบอยู่บนรถรบโบราณ ดาบรบชีวีลอยเคว้งอยู่ด้านบนศีรษะ อาศัยผลการฝึกตนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ของตน ป้องกันการรุกรานของพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวที่มาจากศิลาชิ้นนั้น
“ศิลาชิ้นนี้มีความผิดปกติ อย่าเข้าไป!” หลัวซิวเอ่ยห้ามเหล่าผู้อาวุโสแห่งเผ่าจี้ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“ฟู……”
ในเวลานี้เอง เสียงลมพัดก็พลันดังขึ้นมาจากด้านหลังของเหล่าผู้คน ทุกคนหันหน้ากลับไปมอง เพียงแค่เศษเสี้ยววินาทีแต่ละคนต่างตกใจจนหน้าซึดเผือด
มฤตยูมหากาพย์!
สีหน้าของหลัวซิวก็ยังเปลี่ยนไปอย่างมากเช่นเดียวกัน มฤตยูมหากาพย์ไม่ได้ปรากฏขึ้นในตอนที่ทุกคนเพิ่งเดินเข้ามา แต่กลับปรากฏขึ้นอย่างกระทันหันในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการบีบบังคับให้ทุกคนเข้าไปยังด้านหน้าของสำนักใหญ่
หนี!
ความน่าสะพรึงกลัวของมฤตยูมหากาพย์นั้น ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจ ในตอนที่วังเทียนหมิงถูกเปิดออก ก็สามารถทำให้จักรพรรดิเทพทั้งสองกลายเป็นเถ้าธุลีได้ภายในพริบตา