มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2390
แต่ทว่า เส้นทางที่เป็นกบฏต่อสวรรค์ถึงจะยากลำบากมากเพียงใด ก็ไม่ได้เกินกำลังผู้แข็งแกร่งมากความสามารถสะเทือนฟ้าสะท้านดินแห่งวิถีมาร บนเส้นทางแห่งกบฏภูตสวรรค์นี้ เต็มไปด้วยสงครามนองเลือด วิญญาณวีรชนนับไม่ถ้วน!
ในยุคสมัยของไท่ซ่างฉิงนั้น ที่เขาฝึกตนก็คือเทียนเต้า ที่โชคดีกว่าเหล่าผู้แข็งแกร่งแห่งยุคไท่ชูและวัฏสงสารก็คือ ยุคสมัยที่ไท่ซ่างฉิงเฟื่องฟูอยู่ในจุดสูงสุด ไม่ได้มีภูตสวรรค์หรือจ้าววัฏสงสารมาควบคุมชะตากรรมของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
อย่างไรก็ตาม เทียนเต้าสุดท้ายก็คือเทียนเต้า คือเส้นทางของสรรพจักรวาล ถึงแม้จะฝึกตนบรรลุถึงแดนผู้สูงส่ง เข้าใกล้ไร้พ่ายในใต้หล้า แต่ไท่ซ่างฉิงก็ยังไม่พึงพอใจ เขารู้สึกว่าเส้นทางของเขา เดินมาผิดทาง!
เขาต้องการที่จะเดินออกมาในวิถีเส้นทางที่เป็นของตนเอง เขาหวังว่าจะมีวันหนึ่งที่สามารถก้าวข้ามเทียนเต้าได้ ยืนอยู่เหนือสรรพจักรวาล บรรลุถึงจุดสูงสุดเหนือผู้ใดอย่างแท้จริง ก้าวสู่จุดสูงสุดแห่งโลกยุทธ์……
ดังนั้นเขาจึงได้วางแพนการทั้งหมดเอาไว้ กลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง เมิ่งเชียนชางผู้ที่คิดไปเองว่าควบคุมได้ทุกสรรพสิ่ง แต่ความจริงแล้วก็เป็นแค่ผู้ที่ถูกเขานำมาใช้ประโยชน์เท่านั้น
ในชาตินี้ ถึงแม้ว่าเขาจะอ่อนแอ แต่กลับมีความรู้และประสบการณ์มากมาย เขาสร้างกฎไร้ลักษณ์ขึ้นมา เป็นพลังประเภทหนึ่งที่ไม่ขึ้นอยู่กับสรรพจักรวาล
พลังแห่งวัฏสงสาร คือพลังที่อยู่ในระดับเดียวกันกับภูตสวรรค์ หลัวซิวไม่รู้ว่าตนจำเป็นต้องใช้เวลาอีกนานเพียงใด พลังไร้ลักษณ์ของตน จึงจะสามารถบรรลุถึงแดนประเภทนั้น ได้ครอบครองพลังอมตะที่เหนือกว่าวัฏสงสารต่อสู้และกบฏต่อลิขิตฟ้าได้อย่างแท้จริง
หลัวซิวส่ายศีรษะไปมา ปล่อยวางความคิดในหัวไปก่อน เรื่องสำคัญในเวลานี้ คือจะออกไปจากที่แห่งนี้ได้อย่างไร ในตอนที่รับรู้ว่าที่แห่งนี้คือพระราชวังของภูตสวรรค์ตนหนึ่ง หลัวซิวก็แทบอดรอไม่ไหวที่จะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
เพราะเขารู้ดีว่า เขาฝึกตนวิถีมารซึ่งวิ่งเป็นทิศทางตรงกันข้ามกับเทียนเต้า หากว่าที่แห่งนี้ยังคงมีเจตจำนงแห่งภูตสวรรค์อยู่ เขาต้องถูกฆ่าตายเป็นคนแรกอย่างแน่นอน
ดังนั้น ณ ที่แห่งนี้ หลัวซิวจึงไม่กล้าโคจรกฎไร้ลักษณ์ของตนเอง
“ยอมแพ้ หรือยอมตาย!”
ทันใดนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังเข้ามาในหูของหลัวซิวและคนอื่น ๆ ในน้ำเสียงนี้เต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งภูตสวรรค์อันทรงพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ ราวกับมนุษย์ธรรมดาที่กำลังเผชิญหน้ากับพลังที่ไม่อาจหยั่งถึงของสวรรค์!
หลัวซิวหน้าถอดสี เขารู้สึกราวกับว่าอีกเพียงนิดเดียวก็แทบจะคุกเข่าลงไปอยู่แล้ว โชคยังดีที่อยู่ภายใต้การคุ้มกันของเงาสะท้อนวัฏสงสาร ผลกระทบที่เขาได้รับนั้นไม่มากนัก ในไม่ช้าเขาก็กลับมาได้สติ ตกใจจนเหงื่อท่วมตัว
ในขณะเดียวกัน เขาใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดอัญเชิญตำหนักวัฏสงสาร นำจ้าวแห่งเผ่าจี้และผู้อาวุโสทั้งห้าเก็บเข้าไปด้านใน ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเผ่าจี้ เขาไม่ประสงค์จะให้เกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันกับผู้คนเหล่านี้
หลังจากนั้น หลัวซิวยกมือขึ้นสะบัดออกไป หุ่นเชิดยักษ์ตนที่สองถูกเขาปล่อยออกมา ประทับมือเป็นวิชาค่ายกล หุ่นเชิดยักษ์สองตน ระเบิดพลังที่เทียบเท่ากับมหาจักรพรรดิยุทธ์ออกมาพร้อมกัน
ชิ้ง!
กระบี่ร่องฟ้าลอยออกมา ภายใต้การบังคับของหุ่นเชิดยักษ์ทั้งสองตน กระบี่ร่องฟ้าพลังท่วมท้น ปกป้องหลัวซิวที่ใช้ความเร็วที่รวดเร็วที่สุด ถอยกลับไปทางบันไดที่เดินเข้ามาก่อนหน้านี้
“สิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อย มีโอกาสอุทิศดั้งเดิมให้แก่ข้า ถือเป็นเกียรติของเจ้า ยังกล้าหนีอีกรึ?”
ทันใดนั้นน้ำเสียงเยือกเย็นก็ดังเข้ามา หลังจากนั้นมฤตยูมหากาพย์ที่อยู่บริเวณบันไดก็ส่งเสียงคำรามก้องขึ้นมา เพียงพริบตาก็กดทั้งตัวหลัวซิวและหุ่นเชิดยักษ์อีกสองตนให้จมลง
ปัง!
มฤตยูมหากาพย์สยดสยองหาที่เปรียบไม่ได้ ถึงแม้ว่าหลัวซิวจะมีเงาสะท้อนวัฏสงสารป้องกันตน ก็ยังเลือนลางลงไปในชั่วพริบตา จากนั้นก็มีเสียงกึกกึกดังออกมา เงาสะท้อนวัฏสงสารดับมอดไปอย่างไร้ร่องรอย
“ห่วงนิทราเสาะหาแสนล้านครั้ง!……”
หลัวซิวคำรามออกมา ใช้หุ่นเชิดยักษ์สองตนสำแดงพลังอมตะ เป็นพลังอมตะที่เมิ่งเสี้ยสร้างขึ้นไว้ในตอนนั้น สามารถทำให้อำนาจของกระบี่ร่องฟ้า สำแดงพลังออกมาได้ถึงขั้นสุด
มนตราควานฝัน คือวรยุทธ์ที่เมิ่งเสี้ยคิดค้นขึ้นมา แต่ความจริงแล้ว หลังจากที่หลัวซิวได้รับกระบี่ร่องฟ้า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยสำแดงพลังอมตะที่เกี่ยวข้องสักครั้ง เพราะเขารู้ดีว่า ไม่ว่าจะเป็นมนตราควานฝันหรือพลังอมตะเหล่านั้นก็ตาม ต่างมีความรู้สึกของเมิ่งเสี้ยมีต่อไท่ซ่างฉิงเอาฝากไว้ภายในนั้น