มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2392
เงาสะท้อนวัฏสงสารถูกทำลายจนดับมอดครั้งแล้วครั้งเล่า สีหน้าของหลัวซิวก็ยิ่งทวีความซีดเผือดขึ้น แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะคลายความระมัดระวังลงแม้แต่น้อย รีบตรงไปยังที่ทางขึ้นบันไดที่ใช้ผ่านเข้ามาก่อนหน้านี้
“นายท่าน ให้ข้าช่วยต่อสู้กับท่านเถอะ” อสูรกลืนจิตพาดตัวอยู่บนบ่าของหลัวซิวมาตลอด รอคอยคำสั่งเพื่อที่จะสำแดงอภินิหารรวมร่างกับหลัวซิวได้ทุกเวลา
หลัวซิวไม่ได้พูดสิ่งใด เขารู้สึกแค่เพียงในเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมแก่การสำแดงอภินิหารรวมร่าง ถึงแม้ว่าการสำแดงอภินิหารรวมร่างจะสามารถทำให้พลังรบของเขาปะทุเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งได้ภายในชั่วพริบตา แต่ก็มีข้อเสียมากมายเช่นกัน หากว่าภายในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ไม่สามารถออกไปได้ เกรงว่าคงจะได้ตายอยู่ที่นี่จริง ๆ เป็นแน่
ตูม! ตูม!
หุ่นเชิดยักษ์สองตนระเบิดออก ถึงแม้พลังและเลือดของยักษ์อัสนี ถูกทำให้พลังสามารถเพิ่มขึ้นถึงระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ แต่ก็สามารถต้านทานมือใหญ่สีดำเอาไว้ได้เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น
ในตอนแรกที่หลัวซิวกลั่นหุ่นเชิดยักษ์ จุดประสงค์เดิมคือเพื่อเอาไว้ต่อต้านกับมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิและมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนทั้งสองท่าน แต่คาดไม่ถึงว่ายังไม่ได้ใช้ประโยชน์ใดกับมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสองท่าน แต่กลับต้องมาสูญเสียไปในสถานการณ์เช่นนี้
มือใหญ่สีดำนั้นรวดเร็วมาก เพียงพริบตาเดียวก็สามารถตามมาได้ทันแล้ว เงาสะท้อนวัฏสงสารต้านเอาไว้ได้เพียงแค่เสี้ยววินาทีนั้น จากนั้นก็แหลกสลายไปในทันที พลังงานที่ท่วมท้นมหาศาลโจมตีเข้าไปยังร่างของหลัวซิว
ออร่าอันเย็นยะเยือกบุกรุกเข้าไปในร่างใน ราวกับมือใหญ่สีดำนั้นเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของเขา พุ่งเข้าไปจับญาณเทวร่างมนุษย์ของเขา
“ญาณเทว? เจ้าเคยฝึกตนเคล็ดเทวกลั่นวิญญาณมาก่อน? เจ้าคือผู้สืบทอดของบรรพบุรุษจักรพรรดิ?”
น้ำเสียงแสดงถึงความตกใจก้องกังวานอยู่ภายในตัวหยั่งรู้ของหลัวซิว นับแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน จอมยุทธ์ระดับเทพมารขึ้นไปต่างหลอมรวมช่องจิตไว้ภายในตัวหยั่งรู้ มีเพียงวรยุทธ์ประเภทหนึ่งที่แตกต่างออกไป นั่นก็คือเคล็ดเทวกลั่นวิญญาณ
หลัวซิวไม่มีเวลามาคิดมาก พลังแห่งวัฏสงสารโคจรภายในตัวหยั่งรู้ ยึดมั่นญาณเทวร่างมนุษย์ เขาเผาผลาญพลังและเลือดอย่างสุดชีวิต ในที่สุดก็รีบออกมาจากเส้นทางในอุโมงค์ได้ภายในคราเดียว
เงยหน้าขึ้นไปมอง หลัวซิวพบว่าตนได้กลับมายังสำนักใหญ่ที่มีแท่นศิลาสองแท่นตั้ง เพียงแค่ออกไปจากกลางสำนักใหญ่แห่งนี้ เขาก็สามารถออกไปจากวังเทียนหมิงได้แล้ว
การรับรู้ต่อหุ่นเชิดยักษ์สองตนได้หายไปแล้ว สิ่งนี้ทำให้หลัวซิวเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ในตอนนั้นเขาต้องใช้ทรัพยากรและแรงกายแรงใจมหาศาลเพื่อที่จะกลั่นหุ่นเชิดสามตนออกมา
แต่ในเวลานี้เขากลับไม่กล้าหยุดฝีเท้าลงแม้เพียงครึ่งก้าว เหาะตรงไปยังประตูใหญ่ของวังเทียนหมิงโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง
แต่ทว่า ในตอนที่เขากำลังจะพุ่งออกไปยังประตูใหญ่ของวังเทียนหมิง ประตูใหญ่ที่เดิมทีเปิดไว้อย่างกว้างขวาง ก็พลันค่อยดึงเข้าหากัน และกำลังจะปิดลง!
“ไม่!”
หลัวซิวคำราม หากถูกขังอยู่ภายในสำนักใหญ่แห่งนี้ เขาต้องตายแน่ ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย!
ในตอนนี้หลัวซิวกำลังจะรวมร่างกับอสูรกลืนจิต มีเพียงอาศัยพลังที่ประทุขึ้นอย่างมหาศาลจากการรวมร่างเท่านั้น จึงจะทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มมากขึ้น จึงจะมีหวังที่จะหนีออกไปจากที่แห่งนี้ได้
ตูม!
ทันใดนั้น พลังงานอันแข็งแกร่งก็โจมตีเข้าที่ประตูใหญ่ของวังเทียนหมิง ประตูใหญ่ที่เดิมทีกำลังจะปิดลง เพียงแค่พริบตาก็ถูกพลังงานอันทรงพลังถึงขีดสุดบังคับให้เปิดกว้างอีกครั้ง
หลังจากนั้น หลัวซิวก็เห็นภาพมายาอันเลือนร่างทั้งเก้า พุ่งเข้ามาจากทางด้านนองของวังเทียนหมิง แต่ละคนต่างล้อมไปด้วยรังสีสังหาร ออร่าแข็งแกร่งไร้เทียมทาน
เพียงพริบตาเดียวเขาก็จำที่มาของภาพมายาเก้าร่างได้ นั่นคือเก้าผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่อยู่ในภาพสี่ไท่ชู!
ในใจของหลัวซิวอดสงสัยไม่ได้ เจตจำนงแห่งภูตสวรรค์ของเก้าผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานไม่ใช่ว่าอยู่ที่โลงศพฌาปนนภาสวรรค์หรือ? เหตุใดพวกเขาจึงได้ออกมาจากแท่นบูชาเทพมารมาอยู่ที่ด้านนอกนี้?
“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!……”
“รบ! รบ! รบ!……”
“ชีวาวายไม่เสียดายชีวิต!”
ภาพมายาเก้าร่างพุ่งเข้าหามือใหญ่สีดำที่กำลังจะคว้าตัวหลัวซิวเอาไว้อย่างไม่ลังเล ภาพมายาทุกร่างต่างหลวมรวมเป็นหอกโลหิตสวรรค์ปราบ เก้าร่างหอกโลหิตผสานเป็นหนึ่ง เพียงพริบตาก็ทะลุผ่านมือใหญ่สีดำจนแตกสลาย