กระอักเลือดอีกครั้ง สีหน้าของหลัวซิวขาวซีดมาก ๆ เขาทิ้งร่างสตรีที่นอนสลบไสลนั่นไว้ข้าง ๆ โดยไม่คิดอะไรมาก
ความเจ็บปวดที่น่าเวทนาจากการที่ร่างกายใกล้จะแตกสลาย ทำให้หลัวซิวขมวดคิ้วลงเล็กน้อยอย่างสังเกตเห็นได้ยาก ทว่าถัดจากนั้นสายตาของเขาก็ถูกไผ่เทวดวงครามที่สตรีสลบไสลนั่นกำไว้ในมือดึงดูดไป
สตรีนางนี้ก็ทุ่มสุดกำลังสามารถถึงจะพุ่งไปถึงข้างไผ่เทวดวงคราม แม้นางจะได้รับไผ่เทวต้นนี้มา แต่กลับไม่ทันได้เก็บมันเข้าไปก็สลบไสลไปก่อนแล้ว
ยื่นมือออกไปคว้า หลัวซิวก็เก็บไผ่เทวดวงครามมาแล้ว เขาช่วยชีวิตสตรีนางนี้เอาไว้ การที่เอาไผ่เทวดวงครามไปนั้นก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่สมเหตุสมผลอยู่ มิเช่นนั้นละก็ เขาสามารถมองดูนางตายไปต่อหน้าต่อตาได้ หลังจากรอสตรีนางนี้ตายไปแล้ว เขาก็เอาไผ่เทวดวงครามมาได้อยู่ดี
สำหรับเรื่องนี้นั้น หลัวซิวไม่มีจิตใจที่รู้สึกผิดและเกรงใจแม้แต่น้อย
ไผ่เทวดวงครามคือหินหยกกายสิทธิ์ในการกลั่นร่าง หลัวซิวกำมันไว้ในมือ ก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าภายใต้ผลกระทบจากออร่าไผ่เทวดวงคราม ทำให้ร่างยุทธ์ร่างเนื้อเขาเกิดการแปรเปลี่ยนโดยไม่รู้ตัว
สตรีนางนั้นบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถฟื้นคืนมาภายในระยะเวลาสั้น ๆ หลัวซิวจึงถอนสภาวะอภินิหารรวมร่างออก เนื่องจากระยะเวลาในการรวมร่างไม่นาน ดังนั้นสภาวะของอสูรดูดจิตก็ไม่ค่อยแย่เท่าไหร่นัก ฉะนั้นหลัวซิวจึงให้อสูรดูดจิตคอยคุ้มกันเขา ก่อนที่เขาจะกำไผ่เทวดวงครามไว้ในมือแล้วเริ่มฝึกตน
เวลาค่อย ๆ ล่วงเลยไปอย่างช้า ๆ หลัวซิวสามารถสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งเลยว่าร่างยุทธ์ร่างเนื้อตัวเองยิ่งอยู่ยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งกว่านั้นคือภายใต้ผลกระทบจากไผ่เทวดวงคราม เขาก็สามารถดูดซับพลังบางส่วนจากแสงดำที่ตลบฟุ้งอยู่ในแถบชายขอบเขาผีเก้าได้เช่นกัน
แคว็ก!
การพันธนาการไร้รูปชั้นหนึ่งถูกทลาย หลัวซิวลืมตาขึ้นมากะทันหัน มีรังสีแห่งความดีใจทะลุออกมาจากสายตา
ประสิทธิผลในการใช้ไผ่เทวดวงครามฝึกตนดีกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก แดนร่างเนื้อของเขาบรรลุจากจ้าวมหาเทพขั้น 5 ขั้นสูง ขึ้นไปถึงขั้น 6 โดยตรง
ต้องท้าวความก่อนว่าแม้อยู่ในโลกามหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งแปด หินหยกกายสิทธิ์อย่างไผ่เทวดวงครามก็หายากมาก ๆ อดีตครั้นเมื่อเป็นไท่ซ่างฉิง ขณะที่ผลการฝึกตนอยู่ในแดนอย่างปัจจุบัน ก็ไม่มีโชคและโอกาสในการใช้ไผ่เทวดวงครามมากลั่นร่างเช่นกัน
แม้ระดับขั้นของร่างเนื้อจะบรรลุหนึ่งแดนเล็กแล้ว แต่หลัวซิวกลับยังไม่รู้สึกพึงพอใจ เขาสามารถสัมผัสได้ว่าร่างกายของตัวเองยังมีพื้นที่ให้พัฒนาอีกหนึ่งก้าว
ดังนั้นเขาจึงฝึกตนต่อด้วยจิตใจที่แน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากผ่านไปอีกไม่กี่วัน ก็มีเสียงแห่งการทลายพันธนาการดังออกมาจากร่างกายหลัวซิวอีกครั้ง ร่างยุทธ์ร่างเนื้อบรรลุถึงจ้าวมหาเทพขั้น 7 จากจ้าวมหาเทพช่วงกลางยกระดับถึงจ้าวมหาเทพช่วงปลาย
ดอกผลเช่นนี้ทำให้หลัวซิวทั้งตะลึงทั้งสุขใจ เดิมทีเขาคิดว่าการมาตามหาสมุนไพรมังกรสามสีในเขาผีเก้าครั้งนี้ของตนเอง สามารถทำให้แดนกลั่นร่างบรรลุถึงจ้าวมหาเทพขั้น 6 ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
อ้างอิงจากแผนการในตอนแรกของเขา การที่จะให้แดนกลั่นร่างบรรลุถึงจ้าวมหาเทพช่วงปลายนั้น อย่างต่ำสุดก็ต้องใช้เวลาประมาณสิบกว่าปีถึงจะทำได้
หลัวซิวเคลื่อนไหวร่างกายตัวเองอย่างเรื่อยเปื่อย จากร่างยุทธ์ร่างเนื้อจ้าวมหาเทพขั้น 7 บวกกับการปลุกเสกจากยันต์ค่ายระดับเจ้ายุทธจักร 99 ยันต์ พลังร่างเนื้อของเขา มาตรแม้นว่าเปรียบเทียบกับจ้าวมหาเทพขั้นสูงแล้ว ก็มีแต่จะแข็งแกร่งกว่า
แสงที่กระพริบบนไผ่เทวดวงครามหม่นหมองลงเล็กน้อย หลัวซิวนำมันเข้าไปเพาะปลูกในโลกาจุดลมปราณของตัวเอง จะใช้สมุนไพรเพิ่มพลังประเภทนี้ให้หมดในรวดเดียวไม่ได้อยู่แล้ว เขาที่ยึดกุมคัมภีร์โอสถฉบับสมบูรณ์ สามารถใช้ประสิทธิผลที่ดีเลิศที่สุดของไผ่เทวดวงครามได้อย่างถึงอกถึงใจ
กระทั่งบัดนี้ หลัวซิวถึงจะมีเวลาว่างไปสนใจสตรีที่เขาช่วยกลับมา ตลอดช่วงเวลาที่เขาอาศัยไผ่เทวดวงครามฝึกตน สตรีนางนี้ก็อยู่ในสภาวะสลบไสลมาโดยตลอด ทำให้เห็นเลยว่านางได้รับบาดเจ็บไม่เบาจริง ๆ ทว่ากลับไม่มีกฎชีวิต ฉะนั้นแค่อาศัยความสามารถในการฟื้นฟูของตนเอง ยังไม่สามารถฟื้นคืนมาได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ